Please wait...

E-catalogue
สายด่วน
0
Loading...
0
คุณไม่มีรายการสินค้าในตะกร้าของคุณ
0 สินค้าในตะกร้า
ยอดรวมรถเข็น : 0
×
วิธีการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อย่างปลอดภัย ลดอุบัติเหตุในสถานประกอบการ

วิธีการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อย่างปลอดภัย ลดอุบัติเหตุในสถานประกอบการ รถแฮนด์ลิฟท์ (Handlift) บางคนอาจเรียกว่า รถลากพาเลท หรือรถยกสินค้า ถือเป็นเครื่องมือทุ่นแรงอีกประเภทหนึ่งที่พบเจอได้ทั่วไปทั้งในคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมแทบทุกประเภท การศึกษาแนวทางที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อย่างปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน  วิธีการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อย่างปลอดภัย ไร้กังวลทุกสถานการณ์ 1. ศึกษาคู่มือหรืออบรมการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์ทุกครั้งเมื่อเป็นรถแฮนด์ลิฟท์คันใหม่หรือเพิ่งเคยใช้ครั้งแรก ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้รถแฮนด์ลิฟท์มายาวนานแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเป็นรถยกสินค้าคันใหม่ รุ่นใหม่ ยี่ห้อใหม่ ก็ต้องศึกษาคู่มือการใช้งาน หรือเข้าอบรมกับผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนเพื่อให้สามารถใช้งานได้ถูกวิธี เพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน  สำหรับผู้ที่เพิ่งเคยใช้รถแฮนด์ลิฟท์หรือรถลากพาเลทเป็นครั้งแรก ยิ่งต้องศึกษาอย่างละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์ให้ได้มากที่สุด 2. ตรวจเช็กอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ของรถแฮนด์ลิฟท์ ก่อนเริ่มใช้งานในแต่ละวัน อีกหนึ่งวิธีการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อย่างปลอดภัยที่สำคัญมากคือในทุกวันก่อนเริ่มต้นใช้งานควรตรวจเช็กอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ว่ายังทำงานเป็นปกติดีหรือไม่ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะบ่อยครั้งอุบัติเหตุมักมาจากความประมาทเพียงเล็กน้อย จุดที่ควรตรวจสอบก่อนใช้งาน เช่น ระบบปั๊มไฮดรอลิก และระบบเบรกซึ่งต้องทำงานได้ตามปกติ ตลอดจนพาเลท และสิ่งของต่าง ๆ ที่จะยก ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้ด้วยเช่นกัน 3. ควบคุมความเร็วของรถแฮนด์ลิฟท์ให้เหมาะสม แม้การใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อาจไม่ได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนัก แต่ในกรณีที่ยกลากสินค้าที่มีน้ำหนักมากย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากหากมีรถหรือคนเข้ามาขวางเส้นทางในระยะกระชั้นชิด อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมหรือหยุดรถได้ทันท่วงที มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการควบคุมความเร็วที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอันตรายทั้งตัวผู้ใช้ คนรอบข้าง และสิ่งของต่างๆ ในพื้นที่คลังสินค้าหรือพื้นที่ทำงานโดยรอบด้วย 4. ใช้ความระมัดระวังเมื่อต้องควบคุมรถแฮนด์ลิฟท์บนทางลาดชัน เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดเมื่อต้องควบคุมรถแฮนด์ลิฟท์หรือรถยกสินค้าบนเส้นทางลาดชัน หากเป็นขาลง ความเร็วของรถอาจเพิ่มสูงจนเบรกไม่อยู่และเกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับผู้คนและสิ่งของต่าง ๆ ที่กีดขวางเส้นทางเดินรถได้ ส่วนขาขึ้นถ้าแบกน้ำหนักมากจนเกินกำลังขับก็มีโอกาสที่ของหรือรถลากจะไถลไปชนกับสิ่งของที่อยู่ด้านหลังเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ การประเมินความพร้อมของรถยกลาก น้ำหนักสิ่งของ และการใช้งานที่ชำนาญจะช่วยสร้างความปลอดภัยในทุกครั้ง แต่ทางที่ดีหากต้องใช้รถแฮนด์ลิฟท์ขนหรือยกของหนักขึ้นทางลาดชัน ควรเรียกให้คนอื่นมาช่วยหรือเปลี่ยนไปใช้รถโฟล์คลิฟท์แทน 5. อย่าเล่นสนุกหรือขึ้นไปยืนบนรถแฮนด์ลิฟท์ขณะกำลังใช้งานเด็ดขาด บางทีการเผลอเล่นสนุกจนลืมตัว อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดฝันได้ จึงต้องคอยย้ำเตือนตนเองอยู่เสมอว่า รถแฮนด์ลิฟท์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ทำงานที่มีความอันตรายในระดับหนึ่ง อย่าขึ้นไปยืนเล่นระหว่างที่กำลังลากสิ่งของ หรือหยอกล้อเล่นกับบุคคลอื่นระหว่างการใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องไม่คาดฝันซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรง 6. หลังใช้งานเรียบร้อย ควรจอดให้เป็นที่ หลังการใช้งานเสร็จเรียบร้อย อย่าลืมจอดรถแฮนด์ลิฟท์ให้ตรงจุดที่กำหนดเอาไว้ และไม่ควรยกไฮดรอลิกสูง เพราะอาจทำให้บุคคลซึ่งผ่านไปผ่านมาและไม่ทันมอง สะดุดได้ง่าย ๆ วิธีการ คือ เมื่อจอดเรียบร้อย ให้ปรับขายกอยู่ในระดับต่ำสุด จากนั้นล็อกล้อรถไม่ให้ไหลไปยังจุดอื่น เพียงเท่านี้การใช้งานรถลากพาเลทในแต่ละวัน ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจหรือมีอันตรายแล้ว จะเห็นว่าอันตรายจากการใช้งานแฮนด์ลิฟท์หรือรถยกลากมักเกิดจากความประมาทของตัวบุคคลเป็นหลัก ทั้งการไม่เช็กสภาพความพร้อม ไม่ศึกษาข้อมูลการใช้งานให้ดี การหยอกล้อกับเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ดังนั้นวิธีการใช้งานรถแฮนด์ลิฟท์อย่างปลอดภัยที่สุดต้องเริ่มจากการมีสติ เข้าใจแนวทางการใช้อย่างถูกต้อง และบริษัทควรมีการตั้งกฎอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงเท่านี้ ทุกครั้งที่ใช้งานแฮนด์ลิฟท์หรือรถยกลากก็ไม่ต้องกังวลเรื่องใด แถมยังทำให้งานสำเร็จลุล่วงตามกำหนดอีกด้วย

2023-11-10
โต๊ะสแตนเลส อุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม

โต๊ะสแตนเลส อุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม โต๊ะสแตนเลสคืออุปกรณ์ที่แข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน โต๊ะสแตนเลสผลิตจากเหล็กกล้าไร้สนิม ซึ่งเป็นโลหะที่ผสมระหว่างเหล็กและคาร์บอนจัดอยู่ในประเภทโลหะเหล็กในกลุ่มที่มีความต้านทานการกัดกร่อนสูง เหล็กประเภทนี้ยากต่อการเกิดสนิม มีค่าบำรุงรักษาต่ำ ง่ายต่อการตัด พับ เชื่อม และขึ้นรูป ที่สำคัญสามารถนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ โต๊ะสแตนเลสนิยมใช้ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์, ห้องคลีนรูม, โรงอาหาร, โรงพยาบาล, ร้านอาหาร และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอาหารและยา ลักษณะของโต๊ะสแตนเลสมีความเงา แวววาว มีความเรียบลื่น ทำความสะอาดง่าย น้ำหนักเบาจึงเคลื่อนย้ายได้สะดวก อีกทั้งยังช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตได้อีกด้วย สามารถนำมาใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งโต๊ะสแตนเลสในปัจจุบันมีหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น โต๊ะสแตนเลสแบบพับได้, โต๊ะสแตนเลสแบบมีล้อเลื่อน หรือโต๊ะสแตนเลสที่มีชั้นวางสินค้าหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุม ซึ่งประเภทของโต๊ะสแตนเลสมีดังนี้ ประเภทของโต๊ะสแตนเลส ที่สามารถนำมาใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม โต๊ะสแตนเลสอเนกประสงค์ โครงสร้างผลิตจากสแตนเลส หน้าโต๊ะผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หนา 1.2 มิลลิเมตร ขอบโต๊ะสูง 40 มิลลิเมตร มีความแข็งแกร่ง ขาโต๊ะทั้งสี่ด้านยึดเข้ากับคานและมีลูกยางกันลื่นสวมที่ขาโต๊ะ จึงสามารถรองรับแรงได้ดี บางรุ่นขาโต๊ะมีสกรู ปรับระดับให้โต๊ะระนาบกับพื้นได้ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม มีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 200 กิโลเมตร นิยมใช้ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์, ห้องเย็น, โรงงานอาหารและยา, งานที่มีความเปียกชื้น หรือในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป โต๊ะสแตนเลสแบบมีล้อเลื่อน โครงสร้างผลิตจากสแตนเลส หน้าโต๊ะผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หนา 1.2 มิลลิเมตร ขอบโต๊ะสูง 40 มิลลิเมตร ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้าย โดยที่ขาของโต๊ะทั้ง 4 ขาจะติดตั้งล้อทำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ หน้าโต๊ะมีผิวเรียบสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมและการกัดกร่อนจากสารเคมีได้ดี ทำความสะอาดง่าย จึงเหมาะสำหรับใช้งานในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์, ห้องเย็น, อุตสาหกรรมอาหารและยา หรือในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป โต๊ะสแตนเลสแบบพับเก็บได้ โครงสร้างผลิตจากสแตนเลส หน้าโต๊ะผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 มีพื้นผิวเรียบ มันวาว โดยที่ขาโต๊ะสามารถพับเก็บได้และในบางรุ่นสามารถถอดขาโต๊ะเก็บได้จึงง่ายต่อการจัดเก็บ นอกจากนั้นยังง่ายต่อการขนย้ายและประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บได้อีกด้วย สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร หรือกลางแจ้ง ทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม มีให้เลือกใช้งานทั้งโต๊ะรูปทรงสี่เหลี่ยม รูปทรงกลม รองรับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม นิยมใช้งานในโรงอาหารหรือร้านอาหารทั่วไป หรือห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น โต๊ะสเเตนเลสพร้อมชั้นวางด้านล่าง โครงสร้างผลิตจากสแตนเลส หน้าโต๊ะผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หนา 1.2 มิลลิเมตร ขอบโต๊ะสูง 40 มิลลิเมตร มีชั้นวางของ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บหากหน้าโต๊ะใช้ทำงานชั้นด้านล่างสามารถใช้เก็บอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ได้ โดยที่ขาโต๊ะมีสกรู ปรับระดับโต๊ะให้ระนาบกับพื้นได้มีความแข็งแรงทนทาน สามารถรับน้ำหนักได้ 190 กิโลกรัมต่อชั้น ทนต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดได้ง่าย นิยมใช้ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์, ห้องคลีนรูม, ห้องครัว หรือใช้เป็นโต๊ะสำหรับประกอบชิ้นงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โต๊ะสแตนเลสแบบมีลิ้นชัก ออกแบบมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย และป้องกันอุปกรณ์หรือเครื่องมือจากการปนเปื้อนหรือสูญหาย โครงสร้างผลิตจากเหล็กกล้าไร้สนิม มีการเชื่อมคานยึดใต้โต๊ะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี นิยมใช้งานในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์, ห้องคลีนรูม, ร้านอาหาร หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โต๊ะสแตนเลสแบบมีแท่นเหยียบ ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน โดยโต๊ะประเภทนี้จะมีทั้งล้อและขาโต๊ะในตัวเดียวกัน โดยล้อทำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและขาโต๊ะใช้สำหรับตั้งบนพื้นเพื่อความมั่นคง ซึ่งแท่นเหยียบจะเป็นตัวควบคุมการยกขึ้น-ลงของขาโต๊ะ โดยชั้นล่างของโต๊ะยังมีชั้นเพื่อใช้วางสิ่งของ โต๊ะสแตนเลสแบบมีแท่นเหยียบ จะมีความแข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี ไม่เป็นสนิม สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม, โรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น โต๊ะสแตนเลสวางเครื่องมือแพทย์ จะติดล้อเพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนที่ ผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 สแตนเลสผิวแฮร์ไลน์ หน้าโต๊ะแผ่นถาดเรียบคว่ำครอบเสาพับขอบสูง 50 มิลลิเมตรโครงสร้างทำด้วยท่อสเตนเลส ขนาด 1 1/4 นิ้ว แผ่นถาดหนา 1.5 มิลลิเมตร มีชั้นตั้งแต่ 2-3 ชั้นขึ้นไปรับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัมต่อชั้น นิยมใช้ในคลินิกรักษาโรคและโรงพยาบาล ข้อดีของโต๊ะสแตนเลสในการใช้งาน ทนทานต่อการกัดกร่อน โต๊ะสแตนเลสสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนทั้งในบรรยากาศทั่วไป กรด ด่าง สารละลาย สารเคมี แต่จะมากหรือจะน้อยขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะที่มีอยู่ในสแตนเลสที่ใช้ในการผลิตโต๊ะตัวนั้น ๆ ไม่เกิดสนิม โต๊ะสแตนเลสเป็นโลหะผสมระหว่างเหล็กกับคาร์บอน ซึ่งในคาร์บอนจะมีส่วนประกอบของคาร์บอนที่ต่ำและมีโครเมียมเป็นส่วนประกอบหลัก จึงทำให้เกิดการสร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์ ที่มองไม่เห็นเกาะติดแน่นอยู่ที่ผิวหน้าทำให้มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อน โดยฟิล์มที่ผิวหน้านั้น หากถูกทำลายไม่ว่าจากแรงกด สารเคมี หรือออกซิเจนที่มีอยู่ในบรรยากาศ โครเมียมออกไซด์จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวมันเอง ด้วยการเกิดปฏิกิริยาดังกล่าวจึงทำให้โต๊ะสแตนเลสไม่เกิดสนิมซึ่งการเกิดสนิมมีผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างโลหะทุกชนิด มีความแข็งแรง เนื่องจากโต๊ะสแตนเลสไม่มีโอกาสเกิดสนิมจึงทำให้มีโครงสร้างมีความแข็งแรง ไม่ผุกร่อนได้ง่าย จึงทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน และวัสดุสแตนเลสยังสามารถเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วยการขึ้นรูปเย็นซึ่งมักทำในขั้นตอนการออกแบบ ความปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ วัสดุอย่างสแตนเลสมีความเป็นกลางสูงจึงไม่เกิดการดูดซึมเป็นเหตุผลสำคัญที่ในโรงพยาบาล ธุรกิจด้านโภชนาการ หรือด้านเภสัชกรรมจึงนิยมใช้โต๊ะสแตนเลสเพราะไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน นอกจากนั้นโต๊ะสแตนเลสยังทำความสะอาดได้ง่ายและต้องการการดูแลรักษาน้อย ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สแตนเลสเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ถ้าหากโต๊ะสแตนเลสชำรุด ผุพัง สามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โต๊ะสแตนเลสเป็นโต๊ะประเภทหนึ่งที่มีความแข็งแรงและทนทานที่ในหลายอุตสาหกรรมเลือกใช้งาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยา, อุตสาหกรรมบริการ เนื่องจากโต๊ะสแตนเลสเป็นประเภทของโต๊ะที่ถูกสุขอนามัยมากที่สุด ไม่มีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการปนเปื้อน นอกจากนั้นวิธีการดูแลรักษาก็ง่ายไม่ซับซ้อนเพียงแค่เช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกที่ติดอยู่บนโต๊ะสแตนเลสหลังจากใช้งานเสร็จ และจัดเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยเพื่อยืดอายุการใช้งานของโต๊ะ ในกรณีที่โต๊ะสแตนเลสเกิดสนิมให้ทาสารละลายออกซาลิกในบริเวณที่เป็นสนิมแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดโต๊ะให้แห้งก็สามารถนำมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง Jenstore by Jenbunjerd ผู้ผลิตและจำหน่าย โต๊ะสแตนเลส, เก้าอี้สแตนเลส, โต๊ะสแตนเลสวางเครื่องมือแพทย์ มีทั้งแบบมีล้อและไม่มีล้อ มีรุ่นที่สามารถพับเก็บได้ ผลิตจากวัสดุสแตนเลสคุณภาพดี ทนทานต่อสารเคมี ทำความสะอาดง่าย มีหลายแบบและหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ TOOLMAX แบรนด์คุณภาพที่มีมาตรฐาน นอกจากนี้ยังรับสั่งทำตู้ โต๊ะสแตนเลสทุกรูปแบบตามความต้องการ พร้อมยินดีให้คำแนะนำและบริการหลังการขายที่จะช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้งาน<br /><h3><span style="color: #333333;"><strong>ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ :</strong></span></h3><span style="color: #333333;"><strong>Website :</strong> <a style="color: #333333;" href="https://www.jenstore.com" target="_blank" rel="noopener">https://www.jenstore.com</a> (Live Chat)</span> <br /><span style="color: #333333;"><strong>Tel :</strong> <a style="color: #333333;" href="tel:02-096-9999">02-096-9999</a> (200 คู่สาย)</span> <br /><span style="color: #333333;"><strong>Email :</strong> <a style="color: #333333;" href="mailto:[email protected]">[email protected]</a></span> <br /><span style="color: #333333;"><strong>LINE Official Account:</strong> <a style="color: #333333;" href="https://line.me/ti/p/~@jenstore" target="_blank" rel="noopener">@jenstore</a></span> <br /><span style="color: #333333;"><strong>Facebook :</strong> <a style="color: #333333;" href="https://www.facebook.com/JenStorebyJenbunjerd" target="_blank" rel="noopener">เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd</a></span>

2023-06-12
ฟังก์ชันไหนที่เก้าอี้สำนักงานควรต้องมี!

ฟังก์ชันไหนที่เก้าอี้สำนักงานควรต้องมี! เก้าอี้สำนักงานที่ดีควรมีฟังก์ชันที่มีผลดีทั้งต่อการทำงานและสุขภาพ เก้าอี้ที่ใช้ในการนั่งทำงานมักเป็นเก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้นั่งสบายและลดการเมื่อยล้า ซึ่งเรามักเรียกกันว่า เก้าอี้สำนักงาน แต่เก้าอี้สำนักงานก็มีหลายประเภทและมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานของเก้าอี้สำนักงานเหล่านั้นมีจุดประสงค์ในการจัดท่านั่งให้ถูกต้องเพื่อลดความเมื่อยล้า และลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ จากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งเก้าอี้ประเภทนี้เรียกว่า Ergonomics หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพ เป็นเก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตสรีระร่างกายของผู้นั่งให้มีความสบายในการนั่ง ลดอาการเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานนาน ๆ และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับการนั่งทำงาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม, กระดูกทับเส้นประสาท, การอักเสบของกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ซึ่งเก้าอี้ประเภทนี้จะมีฟังก์ชันที่ช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ไปได้ คุณสมบัติที่โดดเด่นของฟังก์ชันคือสามารถปรับระดับได้เพื่อให้สามารถซัพพอร์ตอวัยวะทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการนั่งตามสัดส่วนของแต่ละบุคคล นอกจากนั้นยังช่วยให้แต่ละบุคคลสามารถจัดท่านั่งได้อย่างถูกต้องส่งผลดีทั้งต่อการทำงานและสุขภาพร่างกาย ซึ่งฟังก์ชันของเก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพที่ดีควรมี ดังนี้ ฟังก์ชันของเก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยปรับท่านั่ง ป้องกันออฟฟิศซินโดรม ฟังก์ชันปรับระดับความสูงของขาเก้าอี้ เป็นฟังก์ชันของเก้าอี้สำนักงานที่ช่วยให้ผู้นั่งมีความสบายและลดการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี การปรับระดับความสูง-ต่ำของเก้าอี้สำนักงานจะช่วยให้การนั่งทำงานของผู้นั่งสามารถอยู่ระดับเดียวกับโต๊ะทำงาน ทำให้การมองจอคอมพิวเตอร์อยู่ในองศาที่เหมาะสมไม่ก้มหน้าหรือเงยหน้ามากเกินไป โดยองศาที่เหมาะสมในการก้มหน้าคือ 10-15 องศาจะช่วยลดอาการเกร็งของบ่าและไหล่ได้จึงไม่ทำให้ปวดต้นคอ และการปรับระดับความสูง-ต่ำของขาเก้าอี้ยังช่วยให้เท้าวางราบกับพื้นได้ โดยที่การนั่งทำงานที่ถูกต้องเข่าต้องสามารถงอได้ 90 องศา เท้าควรวางระนาบกับพื้นและขาทั้งสองข้างสามารถทิ้งน้ำหนักได้เท่ากัน หากเท้าลอยจะเป็นการกดทับในข้อพับเข่าเป็นสาเหตุของอาการปวดขา ขาชาหรือเป็นตะคริวได้ ฟังก์ชันปรับระดับที่รองคอ จุดประสงค์ของฟังก์ชันนี้เพื่อให้สามารถซัพพอร์ตลำคอ ศีรษะ และไหล่เพื่อลดอาการเมื่อยล้าจากการเกร็งและการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นนานๆ โดยจะจัดให้ลำคอ ศีรษะ และไหล่ตั้งตรงเพื่อไม่ให้ก้มคอหรือเงยคอมากเกินไป การมีที่รองคอสามารถปรับระดับได้จะช่วยให้เราสามารถหาระดับที่เหมาะสมกับลำคอและศีรษะของเราได้ ทำให้ช่วยลดอาการปวดของคอ บ่า ไหล่ เป็นอาการปวดยอดฮิตของพนักงานออฟฟิศที่นิยมเป็นกัน ฟังก์ชันปรับเอนของพนักพิง พนักพิงของเก้าอี้สำนักงานจะช่วยซัพพอร์ตไหล่ แผ่นหลัง เอว และกระดูกสันหลังส่วนล่าง หลักการออกแบบพนักพิงมีจุดประสงค์เพื่อรองรับแผ่นหลังทุกส่วนและพยุงกระดูกสันหลังระดับเอว การนั่งที่ถูกต้องไม่ควรให้มีช่องว่างระหว่างแผ่นหลังกับเก้าอี้ ซึ่งเก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพช่วยให้ผู้นั่งหลังชิดแนบสนิทกับพนักพิงเป็นการจัดท่าให้นั่งตัวตรง ลดโอกาสที่ทำให้เกิดหลังแอ่นและค่อมเวลานั่งทำงาน ท่านั่งดังกล่าวจะช่วยลดอาการปวดหลังและความดันที่เกิดขึ้นภายในหมอนรองกระดูกสันหลัง ฟังก์ชันการปรับเอนจะเข้ามาช่วยซัพพอร์ตหลังให้ได้องศาในการทำงานที่เหมาะสมในแต่ละท่วงท่า โดยหากเป็นเวลาทำงานสามารถปรับให้พนักพิงอยู่ในองศาที่เหมาะสมคือ 90-100 องศา ซึ่งองศาดังกล่าวจะทำให้หลังตั้งตรง แต่หากต้องการเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างการทำงานก็สามารถปรับเอนนอนได้เป็นการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อหลังและพักผ่อนไปในตัว ฟังก์ชันปรับระดับของที่พักแขน การปรับระดับของที่พักของเก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพมีหน้าที่ในการรองรับแขนและมือเพื่อไม่ให้ไหล่ยกเกร็งจากการทำงานมากเกินไปเป็นสาเหตุของการปวดเมื่อย ฟังก์ชันการปรับระดับความสูง-ต่ำ ความกว้าง และความเอียงของที่พักแขนจะช่วยให้สามารถปรับระดับที่พักแขนให้มีระดับที่เหมาะสมตามสรีระร่างกายของผู้นั่งที่มีความแตกต่างกัน โดยระดับที่เหมาะสมต้องสามารถงอข้อศอกโดยมุมข้อศอกควรอยู่ที่ประมาณ 90-120 องศาและวางแขนให้อยู่ในระนาบเดียวกันในแนวเส้นตรงได้ นอกจากนั้นที่พักแขนที่ดีควรเตี้ยกว่าขอบโต๊ะเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ชนกับขอบโต๊ะและสามารถสอดเก็บไว้ใต้โต๊ะทำงานได้ ความกว้างที่เหมาะสมของที่พักแขนควรมีขนาด 2 นิ้วเพื่อให้รองรับแขนได้พอดี ส่วนความยาวของที่พักแขนขึ้นอยู่กับขนาดของเบาะนั่ง และที่พักแขนมุมขอบไม่ควรแหลมเพื่อป้องกันการกดทับเส้นประสาทที่บริเวณข้อศอก ฟังก์ชันปรับเลื่อนของเบาะรองนั่ง เบาะรองนั่งที่ดีสำหรับเก้าอี้สำนักงานควรกระจายน้ำหนักได้ดี น้ำหนักไม่ควรกดลงที่จุดใดจุดหนึ่ง ช่วยให้ผู้นั่งลงน้ำหนักที่กล้ามเนื้อต้นขาหรือก้นทั้งสองข้างได้เท่า ๆ กัน ความกว้างของเบาะรองนั่งควรกว้างกว่าสะโพกและต้นขาอย่างน้อย 1 นิ้ว และลาดเอียงลงไปด้านหน้าเล็กน้อย และขอบด้านหน้าของเบาะควรมีความโค้งมนซึ่งจะช่วยลดแรงกดที่ข้อพับเข่าได้ การปรับเลื่อนได้ของเบาะรองนั่งจะช่วยให้เบาะรองนั่งมีขนาดที่พอดีกับช่วงขาและก้นกบของแต่ละคน ซึ่งหลักการในการปรับเลื่อนเบาะรองนั่งควรให้เบาะรองนั่งมีระยะห่างระหว่างข้อพับเข่ากับเบาะรองนั่งประมาณ 2-3 นิ้ว โดยที่เข่ายังทำมุม 90 องศา นอกจากนั้นเบาะรองนั่งที่ดีไม่ควรนุ่มมากเกินไปเพราะหากเบาะรองนั่งนุ่มมากเกินไปเวลานั่งจะทำให้เกิดแอ่ง ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอาจทำให้กระดูกเชิงกรานบิดงอได้ แต่ก็ไม่ควรแข็งมากเกินไปจนนั่งไม่สบาย ประโยชน์จากฟังก์ชันของเก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยให้ดีทั้งงานและสุขภาพ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าและช่วยจัดท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง ส่งผลดีต่อโครงสร้างร่างกาย การเลือกท่านั่งที่เหมาะสม พร้อมกับเลือกใช้เก้าอี้สำนักงานที่ช่วยสนับสนุนในการนั่งจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยได้ ช่วยให้สุขภาพดีในระยะยาว อย่างที่ทราบกันการเลือกใช้เก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพจะช่วยให้จัดท่านั่งได้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมีการทำงานที่ดี ตามหลักทางการแพทย์ การนั่งที่ถูกต้องจะส่งผลดีไปยังระบบย่อยอาหารและระบบหายใจด้วยเช่นกัน ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีในการทำงาน เก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพออกแบบมาเพื่อให้จัดท่านั่งที่ถูกต้องแบบอัตโนมัติเป็นการนั่งในท่าที่หลังตรง แผ่นหลังชิดกับเบาะหลัง คอตั้งตรง และยืดไหล่ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้นั่ง รวมถึงช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกมีความน่าเชื่อถือ ดูภูมิฐานซึ่งมีผลดีต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าหรือลดความเสี่ยงในการเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ จึงทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้มีสมาธิกับการทำงานโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาการเจ็บปวดจากการนั่งทำงาน เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานเพราะนั่งทำงานในท่าและองศาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสรีระร่างกายจะทำให้การหยิบจับสิ่งของหรือการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ถึงแม้การเลือกใช้เก้าอี้สำนักงานเพื่อสุขภาพจะมีประโยชน์มากมายแต่การนั่งทำงานนาน ๆ ก็มีผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นจึงควรมีการพักระหว่างการทำงานด้วยการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น การลุกขึ้นยืน, การยืดตัว และหายใจลึก ๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น Jenstore by Jenbunjerd จำหน่ายเก้าอี้สำนักงาน, เก้าอี้ผู้บริหาร, เก้าอี้สำนักงานแบบหนัง, โต๊ะทำงานผลิตจากวัสดุคุณภาพ มีความแข็งแรงและทนทาน ภายใต้แบรนด์คุณภาพพรีเมียม รับประกันคุณภาพของสินค้า พร้อมบริการหลังการขายที่จะช่วยดูแลคุณอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณหาสินค้าที่ต้องการได้อย่างตรงใจ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) Tel : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-06-12
ชาวออฟฟิศต้องรู้! ปรับระดับเก้าอี้สำนักงานอย่างไร ช่วยลดความเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม

ชาวออฟฟิศต้องรู้! ปรับระดับเก้าอี้สำนักงานอย่างไร ช่วยลดความเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม การปรับระดับเก้าอี้สำนักงานให้ห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรม การนั่งทำงานนาน ๆ เป็นภัยร้ายที่ก่อให้เกิดโรคร้ายได้อย่างไม่คาดคิด ซึ่งอาชีพที่เสี่ยงมากที่สุดคือพนักงานออฟฟิศที่ส่วนใหญ่ต้องทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน หากนั่งติดต่อกันเป็นเวลานานมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ จากข้อมูลเชิงสถิติโดยโรงพยาบาลสมิติเวช พบว่า คนไทยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ที่ทำงานในออฟฟิศมักมีอาการออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเกิดจากการนั่งทำงานในอิริยาบถเดิม ๆ หรือนั่งทำงานในท่านั่งที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน จึงมีผลทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ และปวดเมื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น บริเวณหลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ส่งผลกระทบต่อสายตาและการมองเห็น หลายองค์กรจึงให้ความสำคัญต่อโต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่พนักงานออฟฟิศต้องใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะเก้าอี้สำนักงานที่ต้องมีความใส่ใจในการเลือกใช้เก้าอี้ที่สามารถช่วยปรับเปลี่ยนท่านั่งได้หรือนั่งทำงานได้อย่างถูกต้องตามหลักการยศาสตร์มากที่สุด ซึ่งเก้าอี้สำนักงานที่ดีควรสามารถปรับระดับในส่วนประกอบต่าง ๆ ของเก้าอี้ได้เพื่อให้สอดคล้องกับสรีระของผู้นั่ง และสามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถได้ระหว่างการนั่งทำงานเพื่อลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งนาน ๆ ให้มากที่สุด การปรับระดับเก้าอี้สำนักงานให้ห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรม การปรับระดับของขาเก้าอี้ ควรปรับระดับความสูงของขาเก้าอี้สำนักงานให้มีความสูงที่พอดีกับส่วนสูงของผู้นั่งเพื่อที่ผู้นั่งจะได้ไม่ต้องก้มหรือเงยมากเกินไปซึ่งหากมีความสูงที่มากเกินไปหรือเตี้ยเกินไปจะทำให้สรีระอยู่ในทิศทางที่ผิดรูปและทำให้เกิดอาการปวดได้ สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเก้าอี้ได้ถูกปรับระดับความสูงให้เหมาะสมกับความสูงของร่างกายหรือไม่ โดยสังเกตที่เข่าว่าสามารถงอได้ 90 องศาและเท้าสามารถวางระนาบและทิ้งน้ำหนักได้เท่ากันทั้งสองข้างหรือไม่ การปรับระดับเบาะรองนั่ง การปรับเลื่อนเบาะรองนั่งมีความสัมพันธ์กับการปรับระดับความสูงของเก้าอี้สำนักงาน ซึ่งการปรับเลื่อนเบาะรองนั่งควรมีระยะห่างระหว่างข้อพับกับเบาะรองนั่งประมาณ 2-3 นิ้ว โดยที่เข่ายังทำมุม 90 องศา การปรับระดับที่วางแขน ที่วางแขนควรปรับระดับให้มีระดับที่พอดีกับโต๊ะทำงาน เพราะจะช่วยให้สรีระของแขนถูกวางในตำแหน่งที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยลดอาการเกร็งของคอ บ่า ไหล่ ได้เป็นอย่างดี การปรับระดับที่รองศีรษะ การปรับระดับที่รองศีรษะให้พอดีกับคอจะช่วยให้ลำคอและศีรษะอยู่ในท่าตรง ช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยการปรับที่รองศีรษะที่ดีควรให้ระดับสายตาพอดีกับจอของคอมพิวเตอร์เพื่อไม่ให้ก้มหรือเงยคอมากเกินไป การปรับระดับพนักพิง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกระดูกสันหลังโดยในช่วงเวลาของการทำงานควรปรับให้หลังตั้งตรงหรือให้อยู่ในแนวที่เหมาะสมประมาณ 90-100 องศา เพื่อไม่ให้หลังค่อมและไหล่ห่อ และเมื่อต้องการเปลี่ยนอิริยาบถก็สามารถปรับเอนพนักพิงหลังให้เอนนอนได้เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากการนั่งทำงานนาน ๆ นอกจากการปรับระดับเก้าอี้สำนักงานให้สอดคล้องกับสรีระร่างกายตามหลักการยศาสตร์แล้ว พฤติกรรมท่านั่งของผู้นั่งเองก็ต้องมีการปรับเพื่อให้นั่งทำงานบนเก้าอี้สำนักงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างมาก เพราะหากผู้นั่งไม่ปรับเปลี่ยนการนั่งให้ถูกต้อง การปรับระดับต่าง ๆ ของเก้าอี้สำนักงานก็ไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของผู้นั่งได้ ท่านั่งที่ถูกต้องเมื่อนั่งทำงานบนเก้าอี้สำนักงาน ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ การนั่งหลังตรง หลายครั้งที่นั่งทำงานไปนาน ๆ เราอาจจะเผลอนั่งหลังค่อมโดยไม่รู้ตัวทั้งที่เก้าอี้สำนักงานก็ถูกปรับเพื่อให้เรานั่งตัวตรงแล้ว เชื่อว่าพนักงานออฟฟิศหลายคนต้องเคยเป็นมาก่อนซึ่งอาจจะเกิดจากการที่เคยนั่งลักษณะเช่นนี้มานานจนติดเป็นนิสัย ซึ่งการนั่งหลังค่อมจะทำให้กระดูกสันหลังเกร็งค้างและจะเกิดการเมื่อยล้าตลอดเวลาหากนั่งค่อมในระยะยาวจะทำให้กระดูกคดงอผิดรูปถาวร ดังนั้นเมื่อนั่งทำงานอาจจะต้องฝึกให้ตัวเองนั่งหลังตรงตลอดเวลาซึ่งในช่วงแรก ๆ อาจจะยังไม่คุ้นเคยแต่ในระยะยาวร่างกายจะเคยชินซึ่งเป็นผลดีอย่างมากต่อสุขภาพของกระดูกสันหลังจะไม่มีอาการปวดหลังและปวดคอ นอกจากนั้นยังช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดีได้อีกด้วย หลังควรแนบกับพนักพิง บางคนชอบนั่งตรงขอบเก้าอี้และใช้ศีรษะพิงพนักเก้าอี้แทนเป็นท่านั่งที่มีลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนเป็นการนั่งที่ใช้หลังนั่งแทนก้นซึ่งท่าดังกล่าวจะทำให้รู้สึกสบายแต่มีผลเสียอย่างมากเพราะกล้ามเนื้อคอที่ต้องคอยรับน้ำหนักศีรษะตลอดเวลาและกล้ามเนื้อเอวต้องรับแรงกดเป็นจำนวนมาก จะทำให้เกิดการปวดหลัง การนั่งที่ถูกต้องเมื่อนั่งตัวตรงแล้วหลังควรที่จะแนบกับพนักพิงของเก้าอี้ บริเวณก้นกบไม่ควรมีช่องว่าง ซึ่งเก้าอี้สำนักงานในปัจจุบันได้มีการออกแบบให้มีพนักพิงที่แนบชิดกับหลังเพื่อลดความปวดเมื่อยและนั่งได้สบายมากขึ้นและยังมีที่รองศีรษะที่ช่วยรองรับน้ำหนักทำให้คอไม่ต้องรับน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งส่วนของศีรษะเวลานั่งก็ควรตั้งตรงและก้มหน้าประมาณ 10-15 องศาเพื่อให้สายตาขนานกับพื้นช่วยลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือหากต้องการฝึกการนั่งหลังตรงสามารถใช้เบาะรองหลังได้ จะช่วยให้นั่งหลังตรงได้อัตโนมัติ ช่วยรับน้ำหนัก ทำให้แผ่นหลังไม่เกร็งตึง สามารถนั่งทำงานได้นานมากยิ่งขึ้น ควรนั่งให้เต็มเก้าอี้ การนั่งให้เต็มเก้าอี้จะช่วยให้หลังไม่ต้องแบกรับน้ำหนักมากเกินซึ่งหากหลังรับน้ำหนักจากการนั่งมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ ข้อศอกควรตั้งฉาก 90 องศา โดยสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือข้อศอกควรที่จะขนานกับโต๊ะทำงานหรือหากมีการใช้โน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์ควรให้คีย์บอร์ดอยู่ระดับเดียวกับข้อศอกหรือข้อมือเพื่อที่จะช่วยให้บริเวณหัวไหล่ได้ผ่อนคลายไหล่ไม่ตกและหลังไม่งอ หรือเลือกใช้เก้าอี้สำนักงานที่มีที่พักแขนหากที่พักแขนสามารถปรับระดับได้จะยิ่งช่วยให้แขนสามารถวางในระดับที่ถูกต้องและทำให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง การนั่งไขว่ห้างจะทำให้น้ำหนักลงไปที่ขาหรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งซึ่งจะทำให้ขาหรือเท้าข้างดังกล่าวเลือดไหลเวียนไม่ดี ทำให้เกิดการเมื่อย กล้ามเนื้อผิดรูป กระดูกสันหลังคดงอ เส้นประสาททำงานผิดปกติและหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ ซึ่งการนั่งที่ถูกตรงตามหลักการยศาสตร์คือเมื่อนั่งหัวเข่าควรต้องตั้งฉาก 90 องศาและข้อพับควรแนบชิดเบาะรองนั่ง หากจะเพิ่มการนั่งให้สบายมากขึ้นสามารถใช้อุปกรณ์เสริมอย่างที่วางเท้าได้ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับใครที่นั่งเก้าอี้สำนักงานแล้วเท้าลอยไม่แนบชิดกับพื้นการมีที่รองเท้าจะช่วยให้นั่งทำงานสบายมากยิ่งขึ้น การปรับระดับของเก้าอี้สำนักงานให้เหมาะกับสรีระของร่างกายของผู้นั่งจะช่วยให้สามารถนั่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดออฟฟิศซินโดรมซึ่งส่งผลดีทั้งต่อสุขภาพและการทำงาน ดังนั้นหากเลือกซื้อเก้าอี้สำนักงานควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถปรับระดับได้เพื่อให้การนั่งทำงานมีความสบายมากที่สุด รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนั่งให้เปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นเพื่อสุขภาพร่างกายของตัวท่านเอง Jenstore by Jenbunjerd จำหน่าย เก้าอี้สำนักงาน, เก้าอี้ผู้บริหาร ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพและมีวัสดุห่อหุ้มให้เลือกหลายชนิด เช่น หนังแท้, หนังเทียม, ผ้า หรือตาข่าย อีกทั้งยังสามารถปรับระดับได้เพื่อรองรับความต้องการในการใช้งาน มีความแข็งแรงและทนทาน ภายใต้แบรนด์คุณภาพระดับพรีเมียม มีการรับประกันคุณภาพของสินค้า พร้อมยินดีให้คำแนะนำและมีบริการหลังการขายจากทีมงานมืออาชีพ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) Tel : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-06-12
เครื่องกวาดพื้น รู้แบบนี้มีไว้นานแล้ว!

เครื่องกวาดพื้น รู้แบบนี้มีไว้นานแล้ว! เครื่องกวาดพื้นยกระดับมาตรฐานความสะอาด ที่ดีทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เครื่องกวาดพื้นเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้นตั้งแต่ฝุ่นขนาดเล็กจนถึงขยะชิ้นใหญ่ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำความสะอาดและเป็นเครื่องทุ่นแรงของแม่บ้านโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ที่มักจะมีฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เกิดจากการทำงานอยู่ตลอดเวลา เครื่องกวาดพื้นถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจดโดยสามารถทำความสะอาดได้ทุกขนาดพื้นที่ ไม่ว่าจะเล็ก กลาง ใหญ่ และยังสามารถใช้งานได้ทั้ง Indoor และ Outdoor ซึ่งเครื่องกวาดพื้นสามารถกวาดเศษขยะและดูดฝุ่นได้ภายในเครื่องเดียว อีกยังสามารถขจัดคราบที่ฝังแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่เครื่องกวาดพื้นนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม, ลานจอดรถ, ศูนย์แสดงสินค้า, ศูนย์ประชุม, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, โรงเรียน, คลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า เป็นต้น อันตรายของฝุ่น ภัยร้ายที่กำจัดได้โดยเครื่องกวาดพื้น ฝุ่นละอองที่มีขนาด 1-10 ไมครอน ซึ่งหากสูดดมเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลานานจะทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะนั้น ๆ เช่น เนื้อเยื่อปอด หรือก่อให้เกิดเป็นพังผืดหรือแผลได้ ซึ่งจะส่งผลให้ปอดเสื่อมประสิทธิภาพและก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง และโรคทางเดินหายใจ ซึ่งฝุ่นขนาดดังกล่าวมักเกิดจากกระบวนการเผาไหม้หรือกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม หากไม่กำจัดออกไปจะเป็นมลพิษต่อพนักงานเป็นอย่างมาก เครื่องกวาดพื้นจึงเป็นอุปกรณ์ที่ควรมีเพื่อใช้กวาดและดูดฝุ่นออกไปเพื่อให้อากาศมีความบริสุทธิ์มากที่สุด นอกจากนั้นฝุ่นละอองในอากาศยังมีผลเสียต่อสิ่งก่อสร้างและวัตถุต่าง ๆ หากมีการสะสมเป็นเวลานานจะทำให้สิ่งก่อสร้างเกิดการกัดกร่อนได้ทำให้สิ่งก่อสร้างและวัตถุเสื่อมสภาพและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ และที่สำคัญการปราศจากฝุ่นช่วยให้สิ่งแวดล้อมสะอาดและถูกสุขอนามัยมากยิ่งขึ้น หลักการทำงานของเครื่องกวาดพื้น เครื่องกวาดพื้นจะทำความสะอาดเบ็ดเสร็จทั้งหมดในเครื่องเดียวตั้งแต่การกวาดเศษขยะไปไว้ในถังเก็บขยะภายในตัวเครื่อง มอเตอร์จะทำหน้าที่ในการกระจายฝุ่นด้วยแปรงและดูดฝุ่นเข้าไปภายในเครื่องกวาดพื้นและส่งไปที่ฟิลเตอร์กรองฝุ่นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นและส่งต่อไปยังถังเก็บฝุ่น โดยการเคลื่อนที่ของแปรงจะเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามกับการเดินทางเพื่อให้สิ่งสกปรกถูกโยนไปด้านหน้าของเครื่องกวาดพื้นและจะถูกดูดเข้าไปภายในของเครื่องด้านในสุด และบางรุ่นของเครื่องดูดฝุ่นหากกวาดฝุ่นผงขนาดเล็กสามารถยกแปรงใหญ่ภายนอกทั้ง 2 ข้างขึ้นได้ เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างเข็นทำให้เคลื่อนไหวและทำความสะอาดได้ดี นอกจากนั้นอาจจะมีแปรงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 แปรงใต้เครื่องเพื่อช่วยกวาดฝุ่นผงขนาดเล็กให้หมดจดและช่วยลดการฟุ้งของฝุ่นระหว่างกวาดได้อีกด้วย ประเภทของเครื่องกวาดพื้น เครื่องกวาดพื้นเข็นตาม ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ จึงใช้งานง่าย ดูแลง่าย และยังช่วยประหยัดพลังงาน เครื่องกวาดพื้นเดินตาม มี 2 ชนิดโดยแบ่งตามรูปแบบของพลังงานที่ใช้ในการทำความสะอาด คือ พลังงานเครื่องยนต์และพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งเครื่องกวาดพื้นประเภทนี้ใช้มือและการเดินในการควบคุมทิศทางโดยจะมีระบบที่มือจับในการปรับระดับความเร็วในการทำความสะอาดได้ เครื่องกวาดพื้นแบบนั่งขับ มี 2 ระบบเหมือนเครื่องกวาดพื้นเดินตามแต่จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบายในการทำความสะอาดโดยจะมีที่นั่งสำหรับผู้ที่ควบคุมเครื่องกวาดพื้นโดยบริเวณที่นั่งจะมีระบบการสั่งการทำความสะอาดทั้งหมด ซึ่งเครื่องกวาดพื้นประเภทนี้มักใช้ในสถานที่ที่มีพื้นที่ใหญ่ ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, โรงเรียน, โรงพยาบาลเพื่อความรวดเร็วและประหยัดเวลาในการทำความสะอาด ประโยชน์ของเครื่องกวาดพื้น ทำความสะอาดได้อย่างหมดจด เครื่องกวาดพื้นสามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงเพราะมีพลังงานในการทำความสะอาดที่สูงในการดูดสิ่งสกปรกไม่ว่าจะมีอนุภาคขนาดเล็กหรืออนุภาคขนาดใหญ่ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ดีกว่าการใช้มือจึงช่วยให้สถานที่มีความสะอาดถูกสุขอนามัยในการดำเนินธุรกิจ และยังสามารถทำความสะอาดได้หลากหลายพื้นผิวอีกด้วย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เครื่องกวาดพื้นช่วยลดต้นทุนทางด้านแรงงาน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์ในการทำงานความสะอาดเนื่องจากเครื่องกวาดพื้นสามารถทำความสะอาดในบริเวณพื้นที่กว้างได้ในเครื่องเดียว ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาด เนื่องจากเครื่องกวาดพื้นสามารถทำความสะอาดในพื้นที่ใหญ่ ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, ลานจอดรถ ได้อย่างหมดจดและทั่วถึงโดยใช้แรงงานเพียงคนเดียวในการควบคุมการทำงานความสะอาดโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยพื้นก็สะอาดได้อย่างหมดจด มีความรวดเร็ว เครื่องกวาดพื้นมีความรวดเร็วเป็นอย่างมากในการทำความสะอาด ซึ่งใช้เวลาไม่กี่นาทีในการทำความสะอาดพื้นที่ขนาดใหญ่ เนื่องจากมีเส้นทางทำความสะอาดที่กว้างจึงทำให้ประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก ใช้งานง่าย เพราะมีปุ่มที่ใช้ในการควบคุมแบบอัตโนมัติซึ่งแม่บ้านอาจจะต้องเข้าฝึกอบรมวิธีการใช้งานเครื่องกวาดพื้นแต่ก็ใช้เวลาไม่นาน มีความปลอดภัย เนื่องจากเครื่องกวาดพื้นใช้น้ำและสารเคมีในปริมาณที่น้อยกว่าการทำความสะอาดด้วยมือ จึงทำให้มีความปลอดภัยต่อการใช้งานทั้งคนที่ใช้งานเครื่องกวาดพื้นและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังไม่ทำลายพื้นผิวของพื้นจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันสุขภาพ เครื่องกวาดพื้นสามารถกวาดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กได้ ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้สูดอากาศบริสุทธิ์และทำให้ห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ช่วยป้องกันการสึกหรอของสิ่งก่อสร้างและวัตถุ เพราะฝุ่นสามารถกัดกร่อนและทำลายพื้นผิวของสิ่งก่อสร้างได้ ซึ่งเครื่องกวาดพื้นสามารถกำจัดฝุ่นออกไปจากพื้นได้อย่างหมดจด เครื่องกวาดพื้นมีความทนทานต่อการใช้งานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ข้อควรปฏิบัติในการใช้เครื่องกวาดพื้น ควรศึกษาคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดและการซ่อมบำรุงต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ควรใช้เครื่องกวาดพื้นกับพื้นที่เปียก ควรนำถังเก็บขยะ ถังเก็บฝุ่นไปทิ้งทันทีเมื่อเต็มและควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นกรองฟิลเตอร์ทุก 3 เดือนเพื่อให้สามารถดูดฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ห้ามใช้น้ำล้างทำความสะอาดเครื่องกวาดพื้นโดยเด็ดขาด ควรใช้ลมเป่าฝุ่นหรือสิ่งสกปรกแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดเท่านั้น สำหรับเครื่องกวาดพื้นแบบแบตเตอรี่ควรตรวจสอบแบตเตอรี่ก่อนใช้งานหากมีสัญญาณเตือนแบตเตอรี่ใกล้หมดควรรีบชาร์จทันทีถึงแม้จะใช้งานอยู่ สำหรับเครื่องกวาดพื้นที่ใช้แบตเตอรี่หลังการใช้งานควรชาร์จแบตเตอรี่หลังการใช้งานทุกครั้งจะได้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเครื่องกวาดพื้นที่ใช้เครื่องยนต์ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเดือนละหนึ่งครั้ง เมื่อต้องการซ่อมบำรุงควรปิดระบบทั้งหมดและต้องสวมอุปกรณ์เซฟตี้ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยในการซ่อมบำรุง ห้ามใช้กวาดเศษขยะที่เป็นเส้นยาว ๆ เช่น เส้นด้าย, ลวด, เชือก, ไนลอน เพราะอาจจะทำให้พันกับแปรงซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ Jenstore by Jenbunjerd เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างครบวงจรไม่ว่าจะเป็นเครื่องกวาดพื้น, เครื่องกวาดฝุ่น ที่ใช้งานได้ง่าย ทำความสะอาดพื้นได้อย่างหมดจดแม้แต่ขอบห้อง ด้วยมีระบบแปรงหมุนคู่ และรวดเร็วในการทำความสะอาดมากกว่าคนถึง 10 เท่า ซึ่งผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีมาตรฐาน มีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน สามารถปรับความสูงได้ สามารถกำจัดได้ทั้งขยะเปียกและขยะแห้ง มีความสะดวกและช่วยประหยัดแรงเป็นอย่างมากสนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
ลังพลาสติกพับได้ บรรจุได้มากและประหยัดพื้นที่เมื่อจัดเก็บ

ลังพลาสติกพับได้ บรรจุได้มากและประหยัดพื้นที่เมื่อจัดเก็บ ลังพลาสติกพับได้ ที่มีหลากหลายขนาดและโดดเด่นในการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ การจัดเก็บในอุตสาหกรรมเป็นสิ่งสำคัญเพราะหมายถึงการรักษาคุณภาพของสินค้าให้ยังคงมีคุณภาพที่ดี มีสภาพที่สมบูรณ์เหมาะสมในการนำไปผลิตหรือส่งต่อไปยังผู้รับปลายทาง อุปกรณ์จัดเก็บจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งลังพลาสติกก็เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้งานในการจัดเก็บในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เนื่องจากลังพลาสติกสามารถใช้เก็บสินค้าได้หลากหลายประเภท เช่น ผัก, ผลไม้, ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรืออะไหล่เครื่องยนต์ เพราะลังพลาสติกมีการออกแบบที่หลากหลายรูปแบบและหลากหลายขนาด นอกจากจะออกแบบเพื่อใช้ในการจัดเก็บแล้วลังพลาสติกยังมีการออกแบบให้สามารถพับได้เพื่อให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและสะดวกในการขนย้าย ซึ่งลังพลาสติกประเภทนี้เรียกว่า ลังพลาสติกพับได้ ลังพลาสติกพับได้ เป็นประเภทของลังพลาสติกที่สามารถถอดพับเพื่อเก็บหรือวางซ้อนกันได้เพื่อประหยัดพื้นที่ ขณะพับจะมีขนาดเล็กจึงช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บเมื่อไม่มีใช้งาน ลังพลาสติกพับได้เหมาะสำหรับจัดเก็บสินค้าที่มีน้ำหนักไม่เยอะมาก ลักษณะของโครงสร้างมีความทนทานต่อการขีดข่วน และมีสลักล็อกหลายจุดซึ่งมีไว้เพื่อยึดไม่ให้กล่องพับลงมาเมื่อมีการซ้อนกันและช่วยเพิ่มความแข็งแรงเมื่อประกอบเป็นลังพลาสติก ซึ่งลังพลาสติกพับได้ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมมีหลายประเภทและมีคุณสมบัติที่โดดเด่นที่แตกต่างกันโดยประเภทของลังพลาสติกพับได้มีดังนี้ ประเภทของลังพลาสติกพับได้ ลังพลาสติกทึบพับได้ แบบมีฝาและไม่มีฝาปิด มีคุณสมบัติที่ช่วยในการปกป้องสินค้าจากแสงแดดเพื่อป้องกันสินค้าหรือวัตถุดิบเสื่อมคุณภาพ ซึ่งทำให้เกิดการสูญเปล่าได้ในธุรกิจ ซึ่งลังพลาสติกทึบพับได้แบบมีฝาจะช่วยป้องกันฝุ่นและแมลงที่อาจเข้าไปทำลายสินค้าหรือวัตถุดิบ ส่วนลังพลาสติกทึบพับได้แบบไม่มีฝาสามารถนำมาซ้อนกันได้เพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ มีความสะดวกในการหยิบใช้ ลังพลาสติกทึบทั้งสองแบบนิยมใช้ในการขนส่ง การหมุนเวียนในการกระจายสินค้า และการขนย้ายสินค้าหรือวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรม โกดังสินค้า ระบบลำเลียงสินค้า เป็นต้น ลังพลาสติกใสพับได้ แบบมีฝาปิดและไม่มีฝาปิด ลังพลาสติกใสพับได้จะมีคุณสมบัติที่สามารถมองเห็นสินค้าหรือวัตถุดิบด้านในได้ซึ่งทำให้สามารถแยกหมวดหมู่ของสินค้าได้ ลดความเสี่ยงในการหยิบสินค้าหรือวัตถุดิบผิด ง่ายในการตรวจเช็กจำนวนยอดคงเหลือของสินค้าและวัตถุดิบ ง่ายต่อการค้นหา และสามารถใช้งานแบบอเนกประสงค์ได้ ลังพลาสติกใสพับได้แบบมีฝาปิดจะช่วยเก็บรักษาสินค้าหรือวัตถุดิบภายในไว้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันสิ่งของตกหล่นหรือสูญหายระหว่างขนย้าย ช่วยลดฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ เข้าสู่ภายใน และสามารถวางซ้อนกันได้จึงสะดวกและรวดเร็วในการใช้งาน ลังพลาสติกใสพับได้แบบไม่มีฝาปิดสามารถวางซ้อนกันได้หลายชั้นและสะดวกในการหยิบสินค้าหรือวัตถุดิบเพื่อนำมาใช้งาน ลังพลาสติกใสพับได้แบบมีประตูเปิดข้างด้านยาว มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ เนื่องจากลังพลาสติกใสพับได้แบบมีประตูเปิดด้านข้างยาวจะสามารถหยิบสินค้าหรือวัตถุดิบออกมาใช้งานได้ถึงแม้จะมีการวางซ้อนกันของลังพลาสติกโดยที่ไม่ต้องยกลังพลาสติกออก จึงเหมาะสมในการจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบที่ต้องมีการหยิบใช้งานบ่อย ๆ และประตูเปิดด้านข้างยังมีสลักล็อกเพื่อใช้ในการเปิด-ปิดตึงประตูเอาไว้ ซึ่งจะช่วยไม่ให้สินค้าตกหล่นออกมาด้านนอก รวมไปถึงการป้องกันแมลงและฝุ่นที่อาจเข้าใปด้านในของลังพลาสติกได้อีกด้วย ลังพลาสติกโปร่งพับได้ แบบที่มีฝาปิดและไม่มีฝาปิด ที่เรียกว่าลังพลาสติกแบบโปร่งเนื่องจากลังพลาสติกประเภทนี้จะมีรูระบายอากาศอยู่รอบ ๆ ลังพลาสติกคล้ายตะกร้า มีคุณสมบัติในการถ่ายเทอากาศได้ดี ช่วยป้องกันการอับชื้น กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และการช้ำได้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการขนวัตถุดิบทางการเกษตร เช่นผักและผลไม้ และยังช่วยให้จัดเรียงผักและผลไม้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้อีกด้วย โดยเฉพาะผลไม้อย่างลองกอง ลำไย เป็นต้น มีความสะดวกในการยก-ย้ายเพราะจะมีช่องด้านข้างของลังพลาสติกสำหรับสอดมือเพื่อยก-ย้ายลังพลาสติก ซึ่งลังพลาสติกโปร่งพับได้แบบไม่มีฝาปิดจะช่วยให้สะดวกสบายในการหยิบจึงเหมาะสำหรับใช้ในการจัดเก็บ, จัดแสดงสินค้า, จัดส่งสินค้าทางการเกษตร หรือใช้ในระบบ PRE-COOLING ระบบทำความเย็นเร็วเพื่อรักษาความสดของพืชผักได้เป็นอย่างดี ส่วนลังพลาสติกพับได้แบบโปร่งพร้อมฝาปิดจะช่วยป้องกันการตกหล่นของผักและผลไม้ไม่ให้เสียหายเหมาะสำหรับการใช้หมุนเวียนในการกระจายสินค้า ลังพลาสติกพับได้ฝาซิกแซก ด้วยการออกแบบฝาปิดแบบสลับฟันปลาจึงสามารถป้องกันน้ำ ฝุ่น หรือแมลงที่เข้าไปภายในลังพลาสติก และยังช่วยป้องกันสินค้าหรือวัตถุที่อยู่ภายในได้เป็นอย่างดี มีตัวล็อกที่แน่นหนาและแข็งแรงจึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขนย้ายสินค้า มีช่องด้านข้างของลังพลาสติกใช้สำหรับให้มือจับเพื่อยก-ย้าย และยังสามารถซ้อนเก็บได้จึงช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ บางรุ่นจะมีร่องหรือปุ่มนูนบนฝาลังพลาสติกเพื่อป้องกันการไหลของลังพลาสติกที่วางซ้อนกัน ลังพลาสติกพับได้แบบป้องกันไฟฟ้าสถิต ใช้ในการจัดเก็บอุปกรณ์ที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือใช้งานกับเครื่องจักร เช่น ระบบลำเลียง, เครื่องประกอบชิ้นส่วนอัตโนมัติ ส่วนใหญ่สีของกล่องมักเป็นสีดำ มีความทนทานต่อการสึกหรอ การกัดกร่อน และป้องกันความชื้นได้ดี เทคนิคในการเลือกลังพลาสติกพับได้ในการใช้งาน เลือกรูปแบบลังพลาสติกพับได้ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน เช่น มีฝาปิด ไม่มีฝาปิด หรือลังพลาสติกสีใส สีทึบ เพราะลังพลาสติกแต่ละประเภทมีคุณสมบัติโดดเด่นที่แตกต่างกันหากนำไปใช้งานได้ถูกต้องกับลักษณะงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น เลือกลังพลาสติกพับได้ที่มีขนาดที่เหมาะสมและมีโครงสร้างที่แข็งแรง และควรบรรจุสินค้าให้มีน้ำหนักตามที่ลังพลาสติกระบุไว้เพื่อความปลอดภัยในการยก-ย้าย ควรตรวจสอบสลักล็อกของลังพลาสติกพับได้ว่ามีความแข็งแรงหรือชำรุดก่อนตัดสินใจซื้อหรือก่อนนำมาใช้งาน ควรเลือกใช้ลังพลาสติกพับได้ที่ได้มาตรฐาน ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีแข็งแรงทนทาน และมีคุณสมบัติทนต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ ได้ เช่น ความร้อน/เย็น น้ำมัน สารเคมี หรือความชื้น เพื่อให้สามารถใช้ในการจัดเก็บ การขนส่ง หรือการขนย้ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการเก็บรักษาลังพลาสติกพับได้ เมื่อใช้งานเสร็จแล้วให้ล้างทำความสะอาดและเช็ดส่วนต่าง ๆ ให้แห้งสนิทก่อนพับเก็บเข้าที่ทุกครั้ง และควรวางซ้อนกันให้ลงล็อกพอดี ไม่ควรวางซ้อนกันสูงจนมากเกินขีดความสามารถในการรับน้ำหนักเพราะอาจทำให้ลังพลาสติกหล่นแตกชำรุดเสียหายหรือตกใส่ร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และห้ามวางใกล้เปลวไฟโดยเด็ดขาด Jenstore by Jenbunjerd ผู้ผลิตและจำหน่ายกล่องพลาสติก, ลังพลาสติก, ลังพลาสติกอเนกประสงค์,ลังพลาสติกพับได้, ลังพลาสติกกระจายสินค้า, ถังพลาสติก ฯลฯ ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง ไม่มีกลิ่นฉุน, โครงสร้างแข็งแรงสามารถวางซ้อนกันได้โดยไม่เกิดความเสียหายและยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ มีอายุการใช้งานยาวนาน ทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย รับประกันสินค้าคุณภาพของสินค้า พร้อมยินดีให้คำแนะนำและบริการหลังการขายจากทีมงานมืออาชีพ สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
How to ทิ้ง? ทิ้งลงถังขยะอย่างไรที่ช่วยลดปัญหาขยะล้นโลก

How to ทิ้ง? ทิ้งลงถังขยะอย่างไรที่ช่วยลดปัญหาขยะล้นโลก ถังขยะแยกประเภทไอเทมสำคัญที่ช่วยลดจำนวนขยะ ปัญหาขยะล้นโลกกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกประเทศทั่วโลกกำลังหาวิธีในการแก้ไขปัญหา ในประเทศไทยเองก็มีปัญหาขยะล้นเมืองอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ปริมาณขยะในกรุงเทพมหานครในปี 2565 มีปริมาณขยะ 10,706 ตันต่อวัน คิดเฉลี่ยต่อประชากรในกรุงเทพมหานคร 1 คนสามารถสร้างขยะได้วันละ 2-3 กิโลกรัม แต่สามารถแยกขยะและนำไปรีไซเคิลได้เพียง 3,672 ตันต่อวันเท่านั้น ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ทำให้สามารถนำขยะมารีไซเคิลได้น้อยเกิดจากประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพไม่แยกขยะและทิ้งขยะไม่ถูกประเภทของถังขยะจึงทำให้ขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ปนเปื้อนไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ หรือหากต้องการนำมารีไซเคิลต้องนำมาล้างทำความสะอาดก่อนซึ่งทำให้เสียทั้งเวลาและงบประมาณ หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีการจัดเตรียมถังขยะแยกประเภทกระจายไปยังพื้นที่สาธารณะและแหล่งชุมชนต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนคัดแยกขยะได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งถังขยะแยกประเภทจะมีสีที่แตกต่างกันตามประเภทของขยะเพื่อให้ประชาชนสามารถแยกขยะได้ถูกต้อง โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้ ถังขยะสีเขียว ใช้สำหรับทิ้งขยะที่เน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว เช่น ผัก ผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ โดยขยะชนิดนี้สามารถนำมาหมักเพื่อทำเป็นปุ๋ยได้ ถังขยะสีเหลือง ใช้สำหรับทิ้งขยะที่สามารถนำมารีไซเคิลหรือขยะมูลฝอยที่ยังใช้งานได้ เช่น แก้ว กระดาษ พลาสติก โลหะ เป็นต้น ถังขยะสีแดง ใช้สำหรับทิ้งขยะที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์, ขวดยา, ถ่านไฟฉาย, กระป๋องสีสเปรย์, กระป๋องยาฆ่าแมลง, บรรจุภัณฑ์สารอันตรายต่าง ๆ เป็นต้น ถังขยะสีน้ำเงิน ใช้สำหรับทิ้งขยะหรือมูลฝอยทั่วไป หรือขยะประเภทอื่นนอกเหนือจากขยะที่ใส่ในถังขยะสีอื่น ซึ่งที่ไม่เป็นพิษและไม่คุ้มค่าในการรีไซเคิล เช่น ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อน, พลาสติกห่อลูกอม, ซองบะหมี่สำเร็จรูป, ถุงพลาสติก, กล่องโฟมและฟอยล์ที่เปื้อนอาหาร เป็นต้น ถังขยะสีส้มหรือบางครั้งก็ใช้เป็นถังขยะสีแดง ใช้สำหรับทิ้งขยะติดเชื้อ ขยะทางการแพทย์ในการตรวจ รักษา วินิจฉัย เช่น หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว, ถุงมือ, กระดาษชำระ, สำลี, ผ้าก๊อซ เป็นต้น หลังจากที่มีการกระจายถังขยะแยกประเภทไปตามพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประชาสัมพันธ์การคัดแยกขยะและการทิ้งลงถังขยะแยกประเภทให้กับประชาชนเพื่อให้ประชาชนมีความรู้และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง โดยเริ่มให้ความรู้ตั้งแต่ในครัวเรือน, ชุมชน, สถานประกอบการ, อาคารสำนักงาน, สถาบันการศึกษา และห้างสรรพสินค้า ซึ่งข้อกำหนดในการคัดแยกขยะ ดังนี้ ข้อกำหนดในการคัดแยกขยะในสถานประกอบการและชุมชน ก่อนทิ้งขยะลงถังขยะควรต้องมีการคัดแยกขยะตามประเภทของขยะ โดยมีการคัดแยกขยะแต่ละประเภทดังนี้ 1.1 ขยะเปียกควรแยกระหว่างเศษอาหารกับเศษใบไม้เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุดก่อนทิ้งลงถังขยะ 1.2 ขยะรีไซเคิลก่อนนำไปทิ้งลงถังขยะรีไซเคิลควรแยกขยะรีไซเคิลแต่ละชนิดออกจากกันก่อนนำไปทิ้งถังขยะหรือคัดแยกเพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง เช่น นำไปขาย หรือบริจาคให้กับหน่วยงานที่ต้องการขยะรีไซเคิล โดยขยะรีไซเคิลมีทั้งหมด 4 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่      1.2.1 กระดาษ ควรแยกตามประเภทของกระดาษ เช่น หนังสือพิมพ์, สมุด, หนังสือ, กล่องกระดาษ, ลัง และเศษกระดาษ ออกจากกันแล้วมัดแยกประเภทไว้      1.2.2 ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแก้ว เช่น ขวดแก้ว ควรกำจัดผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านในออกไปให้หมดจากนั้นนำไปทำความสะอาดแล้วจึงนำไปทิ้งลงถังขยะหรือสามารถนำไปขายได้      1.2.3 ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก เช่น ขวดน้ำพลาสติก, ถุงพลาสติก, ช้อนส้อมพลาสติก ควรกำจัดผลิตภัณฑ์ที่อยู่ข้างในออกให้หมดจากนั้นจึงนำไปทำความสะอาด โดยหากเป็นขวดพลาสติกควรบีบขวดให้แบนเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บโดยแยกระหว่างพลาสติกขุ่นและพลาสติกใสแล้วจึงนำไปใส่ในถังขยะ ส่วนถุงพลาสติกและช้อนส้อมพลาสติกหากทำความสะอาดแล้วก็สามารถนำไปทิ้งลงในถังขยะรีไซเคิลได้เลย      1.2.4 ผลิตภัณฑ์โลหะหรืออโลหะ เช่น กระป๋องน้ำอัดลม, กระป๋องน้ำผลไม้, กระป๋องเบียร์, อะไหล่เครื่องยนต์, หม้อ, กระทะ ก่อนนำทิ้งถังขยะต้องเทผลิตภัณฑ์ในกระป๋องออกให้หมดและล้างน้ำทำความสะอาดบีบให้แบนเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ ดึงฝาอะลูมิเนียมออกจากกระป๋องและผึ่งให้แห้ง หลังจากนั้นควรแยกประเภทของโลหะหรืออโลหะ และรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำไปรีไซเคิลซึ่งโลหะหรืออโลหะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ทุกชิ้นส่วน หรือหากนำไปขายก็สามารถขายได้ราคา 1.3 ขยะอันตรายต้องจัดเก็บให้มิดชิดและควรทิ้งลงในถังขยะอันตรายโดยเฉพาะ ซึ่งถังขยะควรต้องมีความมิดชิดและแข็งแรงและควรรองด้วยถุงขยะสีแดงเพื่อป้องกันการรั่วไหล 1.4 ขยะติดเชื้อโดยเฉพาะหน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจ วินิจฉัย หรือรักษา ควรทิ้งลงในถุงขยะสีส้มหรือสีแดงจำนวน 2 ชั้น และปิดปากถุงให้แน่นโดยบริเวณที่มัดปากถุงควรเช็ดแอลกอฮอล์ และจึงนำไปถึงลงในถังขยะติดเชื้อ 1.5 ขยะทั่วไปเป็นประเภทของขยะที่ไม่สามารถนำมาทำประโยชน์ได้จึงควรทิ้งลงถังขยะทั่วไปโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถนำไปกำจัดได้ทันทีไม่ต้องมาเสียเวลาในการคัดแยกอีก สถานที่ในการเก็บกักขยะที่คัดแยกควรเป็นบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่กีดขวางทางเดิน อยู่ห่างจากสถานที่ประกอบอาหาร ที่รับประทานอาหาร และแหล่งน้ำดื่มเพื่อป้องกันการปนเปื้อน ห้ามเก็บกักขยะอันตรายไว้รวมกัน โดยให้แยกเก็บเป็นประเภท ๆ หากเป็นของเหลวให้ใส่ถังหรือภาชนะบรรจุที่มิดชิดและไม่รั่วไหล หากเป็นของแข็งหรือกึ่งของแข็งให้เก็บใส่ถังขยะหรือภาชนะที่แข็งแรง หากมีการใช้น้ำทำความสะอาดวัสดุคัดแยกแล้วหรือวัสดุเหลือใช้ที่มีไขมันหรือตะกอนน้ำมันปนเปื้อน จะต้องระบายน้ำเสียนั้นผ่านตะแกรงและบ่อดักไขมันก่อนระบายสู่ท่อน้ำสาธารณะ ห้ามเผา หลอม สกัดเพื่อคัดแยกโลหะมีค่าหรือทำลายขยะในบริเวณที่พักอาศัยหรือพื้นที่ที่ไม่มีระบบป้องกันไม่มีการควบคุมของเสียเพื่อป้องกันอันตรายและการไหลรั่วของสารพิษที่อาจก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้ การคัดแยกขยะให้ทิ้งลงในถังขยะแยกประเภทเป็นการแก้ปัญหาขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้สามารถคัดแยกขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะขยะแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันจึงส่งผลให้ขยะแต่ละชนิดมีระยะเวลาในการย่อยสลายที่สั้นหรือยาวที่ต่างกันและมีวิธีในการกำจัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทิ้งขยะลงถังขยะแยกประเภทจะช่วยให้คัดแยกขยะที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้งส่งผลให้ปริมาณขยะมีจำนวนลดน้อย และขยะที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ที่ต้องถูกฝังกลบก็มีจำนวนลดน้อยลงเช่นเดียวกัน จึงทำให้สิ่งแวดล้อมมีความเสี่ยงที่ลดน้อยในการถูกทำลาย ซึ่งกรุงเทพมหานครเองก็มีแผนระยะยาวในการลดปริมาณขยะโดยตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี (2556-2575) มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะในกรุงเทพมหานครให้เหลือศูนย์หรือลดจำนวนขยะที่ต้องกำจัดไม่เกิน ร้อยละ 20 และต้องเปลี่ยนวิธีกำจัดขยะจากการฝังกลบที่ปัจจุบันขยะส่วนใหญ่ต้องถูกกำจัดด้วยวิธีฝังกลบถึงร้อยละ 80 ให้เหลือเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น โดยจะหันมาสร้างโรงไฟฟ้าขยะให้มากขึ้นเพื่อให้นำขยะกลับมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด Jenstore by Jenbunjerd จำหน่ายถังขยะรีไซเคิล, ถัง ขยะ 4 สี, ถังขยะอันตราย, ถังขยะพลาสติก, ถังขยะแยกประเภท, ถังขยะเทศบาล ที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ มีความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายเพื่อเพิ่มความสะดวกในการคัดแยกขยะ มีหลายขนาด หลายรูปทรงให้เลือกใช้งาน มีทั้งแบบมีฝาปิดและไม่มีฝาปิด อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบ พร้อมบริการหลังการขายที่สามารถให้คำแนะนำได้อย่างมืออาชีพสนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
เลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานให้เป็นสไตล์ที่ใช่ บรรยากาศที่ชอบ สร้างไอเดียสุดปัง!

เลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานให้เป็นสไตล์ที่ใช่ บรรยากาศที่ชอบ สร้างไอเดียสุดปัง! โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงาน เลือกแบบที่ชอบ ฟังก์ชันที่ใช่ มีแต่ดีและปัง การทำงานเป็นสภาวะที่มีต้องใช้สมาธิ การวิเคราะห์ รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างผลงานต่าง ๆ ให้ออกมาดีที่สุด หลายองค์กรจึงให้ความสำคัญในการสร้างบรรยากาศในการทำงานเพื่อส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างประสิทธิผลที่ดีออกมาซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจ การตกแต่งห้องทำงานจึงเป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเพราะเป็นปัจจัยที่ดีในการสร้างบรรยากาศในการทำงานและสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมาร่วมกัน ซึ่งองค์ประกอบสำคัญในการทำงานก็คือ โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงาน เป็นอุปกรณ์ที่ต้องถูกใช้งานเป็นเวลานานและอยู่ใกล้ชิดกับพนักงานมากที่สุด โดยหากเป็นพนักงานออฟฟิศต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวันในการนั่งทำงาน และยังเป็นเฟอร์นิเจอร์หลักของห้องทำงาน จึงทำให้โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานต้องตอบโจทย์การใช้งานทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานไปพร้อม ๆ กัน ส่งผลให้โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานจึงมีรูปแบบที่หลากหลายและมีสีสันให้เลือกใช้งานมากมายเพื่อให้รองรับทุกความต้องการ ในปัจจุบันในการเลือกใช้โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานที่แมทช์กับสไตล์ของห้องทำงานจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานให้น่าทำงานมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างไอเดียในการทำงานให้มีความสร้างสรรค์ที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งสไตล์ในการตกแต่งห้องทำงานในปัจจุบันมีหลากหลายสไตล์และแต่ละสไตล์ก็มีทริคในการเลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานที่แตกต่างกันเพื่อสร้างบรรยากาศดี ๆ ในการทำงานที่มีความลงตัวให้มากที่สุด การเลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานที่เหมาะกับสไตล์ที่ใช่ บรรยากาศที่ชอบสำหรับคุณ ห้องทำงานสไตล์มินิมอล จะเน้นความเรียบง่าย เป็นสไตล์ที่น้อยแต่มาก ด้วยเฟอร์นิเจอร์จะมีน้อยชิ้น แต่เรียบง่ายและสวยงาม มีความโปร่ง โล่ง และสบายตา ส่วนใหญ่ห้องทำงานสไตล์มินิมอลจะเป็นสีโทนเดียว เช่น สีขาว สีเอิร์ธโทน สีของไม้ สีน้ำตาล โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานที่นำมาใช้ในสไตล์มินิมอลจะเป็นทรงเรียบง่ายตรงกับคอนเซ็ปต์ โดยโทนสีของโต๊ะทำงานในสไตล์นี้จะเป็นโทนสีไม้ หรือสีน้ำตาล เพราะเป็นโทนสีที่มีความกลมกลืนกับสไตล์มินิมอล และโทนสีของไม้ยังช่วยทำให้บรรยากาศสงบและผ่อนคลายจึงทำให้มีสมาธิในการทำงาน อีกทั้งไม้ยังมีความแข็งแรงและทนทานในการใช้งาน ในส่วนของเก้าอี้สำนักงานสามารถเลือกใช้เก้าอี้ที่ห่อหุ้มด้วยผ้าหรือหนังจะทำให้มีความกลมกลืนกับโต๊ะทำงานได้มากยิ่งขึ้น หากสามารถเลือกผ้าหรือหนังเป็นโทนที่ใกล้เคียงกับโต๊ะทำงานจะยิ่งเพิ่มความสงบ ความผ่อนคลาย ทำให้มีสมาธิในการทำงานได้เป็นอย่างดี ห้องทำงานสไตล์โมเดิร์น จะมีความทันสมัยด้วยรูปทรงเราขาคณิต เช่น สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม หรือวงกลม และอุปกรณ์ที่แฝงไปด้วยเทคโนโลยี โทนสีจะเน้นสีสว่างอาจมีสอดแทรกด้วยสีเข้ม เช่น ดำ เทาซึ่งจะช่วยให้ห้องมีความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหรูหรา โต๊ะทำงานสามารถเลือกรูปทรงสี่เหลี่ยม, ทรงกลม, หรือทรงโค้งก็สามารถเข้ากับสไตล์โมเดิร์นได้เป็นอย่างดี ในส่วนของวัสดุของโต๊ะทำงานสามารถใช้ที่มีโลหะแทรกกับไม้ หรือจะเป็นโต๊ะทำงานที่ผลิตจากโลหะทั้งหมดก็จะช่วยเติมเต็มความเป็นสไตล์โมเดิร์นได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเทคโนโลยีโต๊ะทำงาน เช่น โต๊ะที่สามารถปรับความสูงของโต๊ะได้เพื่อให้สามารถเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงานทั้งการนั่งและการยืนจะช่วยให้ห้องมีความทันสมัยมากขึ้น เก้าอี้สำนักงานเลือกแบบที่ห่อหุ้มด้วยตาข่ายหรือหนังเพราะมีความโฉบเฉี่ยวเข้ากับสไตล์โมเดิร์นได้เป็นอย่างดี ห้องทำงานสไตล์โมเดิร์นจะช่วยสร้างสรรค์งานที่ต้องใช้จินตนาการได้ เช่น งานโฆษณา, ครีเอทีฟ หรือ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เป็นต้น ห้องทำงานสไตล์วินเทจ เป็นสไตล์ที่มีเสน่ห์ที่ตกแต่งห้องแนวย้อนยุค ทั้งโทนสี รูปร่างของอุปกรณ์ในการตกแต่ง หรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ห้องทำงานสไตล์วินเทจจะเข้าได้ดีกับสีพาสเทลทั้งโทนเข้มและโทนอ่อน งานกระเบื้องที่ลายแปลกตาจะทำให้ห้องมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โต๊ะทำงานในสไตล์นี้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบโลหะและแบบไม้ แต่แบบโลหะควรเป็นโลหะพ่นสี เช่น สีขาว จะช่วยให้ห้องมีความสว่างมากยิ่งขึ้น ส่วนโต๊ะทำงานไม้สามารถใช้ได้ทั้งโทนไม้เฉดอ่อนและเฉดเข้ม เก้าอี้สำนักงานดีไซน์อาจมีความย้อนยุคเพื่อเสริมให้สไตล์ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ใช้วัสดุในการห่อหุ้มแบบผ้าหรือหนังที่มีสีสัน เช่น สีน้ำตาล สีดำ สีเขียว สีน้ำเงิน เป็นลูกเล่นที่ช่วยสรรค์สร้างไอเดียในการทำงานได้ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องได้เป็นอย่างดี ห้องทำงานสไตล์ลอฟท์ มีความโดดเด่นในด้านความสูงโปร่งของเพดานและการโชว์โครงสร้างของห้องโดยไม่มีการตกแต่ง เช่น ผนังคอนกรีต, ท่อเดินสายไฟ โทนสีส่วนใหญ่ของสไตล์ลอฟท์จะเป็นสีของวัสดุ เช่น สีปูน สีเหล็ก หรือโทนสีที่เกิดจากการตกแต่งจะเป็นสีดำ สีเทา การตกแต่งห้องสไตล์นี้สามารถสอดแทรกสีไม้หรือสีน้ำตาลเข้ามาได้จะช่วยให้ห้องมีความเงียบสงบ มีความเก๋ที่แฝงไปด้วยความเท่ ซึ่งโต๊ะทำงานในสไตล์นี้สามารถใช้สีไม้หรือสีน้ำตาลเข้าไปร่วมได้เพื่อให้ดูมีความอบอุ่นและหรูหรา หรือจะเป็นโต๊ะทำงานโลหะที่พ่นสีดำก็สามารถเข้ากันได้ดีกับสไตล์ลอฟท์ เก้าอี้สำนักงานวัสดุที่ห่อหุ้มใช้ได้ทั้งแบบหนัง ผ้า หรือ ตาข่าย เพียงต้องเลือกเฉดสีให้เข้ากับโทนสีของห้องหรือสีของเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีดำ สีเทา สีน้ำตาล เป็นต้น ห้องทำงานสไตล์โคซี่ มีความใกล้เคียงกับสไตล์มินิมอล ทั้งการตกแต่งและโทนสีสไตล์โคซี่จะเน้นสีเอิร์ธโทน เช่น เฉดสีครีม เฉดสีน้ำตาล และสีขาว ซึ่งเป็นทำให้ใกล้กับความเป็นธรรมชาติ เป็นสไตล์ที่มีความสบายตาและสบายใจ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เฟอร์นิเจอร์จะมีดีไซน์เรียบง่ายและมีการตกแต่งห้องที่มากกว่าสไตล์มินิมอล โต๊ะทำงานสามารถใช้ได้ทั้งแบบโลหะพ่นสี เช่น สีขาว และโต๊ะทำงานไม้จะมีความกลมกลืนกับสไตล์โคซี่เป็นอย่างมาก อาจมีฟังก์ชันของโต๊ะ เช่น มีลิ้นชักหรือตู้เล็กเพื่อเพิ่มประโยชน์ในการใช้งาน เก้าอี้สำนักงานควรใช้หนังหรือผ้าเพื่อเข้าธีมธรรมชาติและโทนสีควรใช้สีน้ำตาล ครีม หรือจะใช้สีดำหรือสีเทาก็จะช่วยให้ห้องมีความเก๋และเท่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ห้องทำงานสไตล์แบบลักชัวรี เป็นการแต่งห้องที่แสดงความหรูหรา สง่างาม ที่แฝงไปด้วยความทันสมัย โทนสีที่ใช้มักเป็นสีดำ สีทอง สีเงิน สีขาว สีเทา เฟอร์นิเจอร์จะมีดีไซน์เฉพาะหรือมีดีไซน์ที่โดดเด่น มีความทันสมัยในเครื่องมือและอุปกรณ์ ส่วนใหญ่การตกแต่งห้องสไตล์นี้เจ้าของห้องมักเป็นผู้บริหาร โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานจึงต้องมีความโอ่อ่าและหรูหรา โต๊ะทำงานใช้ได้ทั้งแบบโลหะและแบบไม้แต่ควรเป็นโต๊ะที่มีขนาดใหญ่หรือจะเป็นโต๊ะโค้งที่มีเข้ามุมก็จะช่วยให้ดูมีอำนาจในหน้าที่การงานได้ โทนสีของโต๊ะควรเป็นสีที่ดูหรูหรา เช่น สีดำ สีน้ำตาลเข้ม สีขาว มีฟังก์ชันการใช้งานของโต๊ะทำงานอย่างครบครัน เช่น ลิ้นชักโต๊ะ, ชั้นวางของแบบบานเปิด หรือสามารถปรับความสูงของขาโต๊ะได้ เก้าอี้สำนักงานควรมีดีไซน์ที่ทันสมัย ดูแข็งแรง และมีฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครับ ปรับเอนได้ มีที่รองคอ รองแขน ปรับความสูงของเก้าอี้ได้ หรือมีล้อที่เก้าอี้ โต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานและเติมเต็มการแต่งห้องทำงานในสไตล์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเพื่อให้การทำงานไม่ดูน่าเบื่อและชวนให้มีพลังในการคิดงานอยู่ตลอดเวลา นอกจากดีไซน์และความสวยงามแล้วโต๊ะทำงานและเก้าอี้สำนักงานยังต้องมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ได้ตรงกับการใช้งาน เช่น โต๊ะทำงาน ฟังก์ชันที่ดีและควรมีคือ มีรางสายไฟ, มีจุดชาร์จโทรศัพท์, มีจุดเสียบปลั๊กไฟ, มีชั้นเก็บของและอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือแม้กระทั้งการปรับความสูงต่ำของขาโต๊ะทำงานที่ช่วยลดอาการปวดเมื่อยเมื่อต้องนั่งทำงานนาน ๆ เก้าอี้สำนักงาน สามารถปรับความสูงของเก้าอี้ได้, ปรับระดับที่พักแขนหรือคอได้, ปรับเอนพนักพิงได้ รวมไปถึงคุณภาพของวัสดุและมาตรฐานของอุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น Jenstore by Jenbunjerd จำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงาน เช่น โต๊ะทำงาน, โต๊ะออฟฟิศ, โต๊ะทำงานเหล็ก, โต๊ะทำงานไม้, โต๊ะประชุม, โต๊ะคอมพิวเตอร์, เก้าอี้สำนักงาน, เก้าอี้ผู้บริหาร, เก้าอี้สำนักงานแบบหนัง รวมไปถึงแท่นวางปริ้นเตอร์และแท่นวาง CPU ผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐานและการรับประกันของแท้ 100% มีบริการให้คำแนะนำที่จะช่วยให้การสั่งซื้อของคุณเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็วพร้อมบริการหลังการขายที่จากทีมงานมืออาชีพสนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
จัดโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ยมีแต่คำว่าปังตลอดปี

จัดโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ยมีแต่คำว่าปังตลอดปี จัดโต๊ะทำงานให้ดีตามฮวงจุ้ยช่วยเพิ่มพลังบวกทั้งการงานและการเงิน ฮวงจุ้ย เป็นความเชื่อของคนจีนที่เกี่ยวกับความสมดุลโดยเน้นเกี่ยวกับการจัดที่อยู่อาศัยหรือสภาพแวดล้อมที่มีความสัมพันธ์กับพลังงานต่าง ๆ รอบตัว เป็นความเชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ดังนั้นคนที่มีความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงานจะต้องมีการจัดองค์ประกอบที่ถูกต้องตามศาสตร์ฮวงจุ้ย โดยเฉพาะห้องทำงานที่เป็นพื้นที่ในการสร้างงานและสร้างเงินซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดสำคัญคือการจัดโต๊ะทำงาน เป็นแหล่งของพลังกายและพลังสมอง การจัดโต๊ะทำงานที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยจะช่วยให้การทำงานมีความคล่องตัว สะดวกในการหยิบจับ มีพลังของความเชื่อที่ส่งเสริมให้การงานมีความรุ่งเรืองและปังตลอดปี ซึ่งหลักของการจัดโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ยมีดังนี้ เทคนิคการจัดโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ย ที่งานและเงินมีแต่คำว่าปัง ขนาดของโต๊ะทำงาน ขนาดของโต๊ะทำงานควรมีความสอดคล้องกับความสูงและขนาดของร่างกายเพื่อให้การนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานมีความคล่องตัว สะดวกในการเคลื่อนไหว และสบายในอิริยาบถต่าง ๆ โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในหลักของฮวงจุ้ยเพราะหลักของฮวงจุ้ยไม่ใช่แค่เรื่องสวยงามหรือความเป็นสิริมงคลเท่านั้นแต่ยังหมายถึงความสะดวกสบายในการใช้งานที่จะช่วยส่งเสริมให้การทำงานมีพลังและประสิทธิภาพ เพราะหากคุณนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานโดยที่ไม่มีความสะดวกสบายในการทำงานในหลักการฮวงจุ้ยหมายความว่าคุณจะโดนกดทับจากงานและผู้มีอำนาจตลอดเวลา นอกจากนี้ขนาดของโต๊ะทำงานยังเปรียบเสมือนอำนาจของตำแหน่งและปริมาณของงานยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไรขนาดของโต๊ะจะมีขนาดใหญ่กว่าพนักงานทั่วไป รูปทรงของโต๊ะทำงาน ตามหลักฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแต่ละทรงให้พลังในการทำงานที่แตกต่างกัน โดยรูปทรงโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ยที่นิยมนำมาใช้งานมีอยู่ 3 รูปทรงด้วยกัน คือ 2.1 ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นรูปทรงที่ดีในการนั่งทำงานเพราะมุมเหลี่ยมสะท้อนถึงความมีระเบียบแบบแผน ทำงานอย่างมีระบบ และมีสมาธิที่มั่นคง และยังเป็นรูปทรงที่ทำให้การทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถวางอุปกรณ์และเครื่องมือสำนักงานได้จำนวนมาก มากกว่ารูปทรงโต๊ะทำงานแบบอื่น ๆ 2.2 โต๊ะทำงานทรงกลม เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีให้เกิดขึ้นได้เพราะรูปทรงของโต๊ะช่วยให้ผู้ที่นั่งหันหน้าเข้ามาคุยแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน 2.3 โต๊ะทำงานทรงโค้ง ช่วยจัดสมดุลในการทำงานให้มีประสิทธิภาพและช่วยสร้างมิตรไมตรีต่อเพื่อนร่วมงาน วัสดุของโต๊ะทำงาน วัสดุของโต๊ะทำงานจะช่วยส่งเสริมพลังในการทำงานซึ่งวัสดุแต่ละชนิดก็มีพลังงานในการส่งเสริมที่แตกต่างกันดังนี้ 3.1 โต๊ะทำงานไม้ เป็นพลังที่ช่วยให้การทำงานได้รับการสนับสนุน 3.2 โต๊ะทำงานกระจก ด้วยกระจกมีความใสจึงเป็นพลังงานไหลเวียนได้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งอาจมีการไหลเวียนเร็วเกินไปจนทำให้เสียสมดุลได้ แก้ได้โดยการนำต้นไม้มาวางประดับโต๊ะทำงานเพื่อให้การไหลเวียนมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น 3.3 โต๊ะทำงานลามิเนต เป็นวัสดุที่กำลังเป็นที่นิยมเพราะมีความทนทานและมีความสวยงาม โต๊ะทำงานลามิเนตช่วยให้พลังมีความสมดุลทำให้ส่งผลที่ดีต่อการทำงาน 3.4 โต๊ะทำงานโลหะ โลหะมีความแข็งแรงจึงช่วยเสริมพลังด้านจิตใจและทำให้มีสมาธิในการทำงานมากยิ่งขึ้น ทิศและตำแหน่งการวางโต๊ะทำงาน เป็นหนึ่งหลักสำคัญของหลักฮวงจุ้ยโดยเฉพาะโต๊ะทำงานของผู้บริหาร โดยทิศและตำแหน่งการวางโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ยเป็นการจัดตามสภาพแวดล้อมตามทิศทางของลมและทิศทางของน้ำ โดยพิจารณาตามสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในห้องทำงาน เริ่มตั้งแต่โต๊ะทำงาน ประตู ทางเข้า และตำแหน่งของโต๊ะทำงาน โดยทิศที่เหมาะสมในการวางโต๊ะทำงานผู้บริหารตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีควรอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตำแหน่งที่เหมาะกับผู้ที่มีตำแหน่งอาวุโสหรือตำแหน่งของผู้บริหาร ซึ่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นตำแหน่งของความเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา และความมั่งคั่ง สำหรับตำแหน่งของการวางโต๊ะทำงานควรวางในจุดที่มองเห็นภายในของห้องอย่างชัดเจน จะช่วยเรื่องอำนาจบารมีและความหนักแน่นได้ นอกจากนั้นตำแหน่งโต๊ะทำงานที่ถูกหลักฮวงจุ้ยไม่ควรอยู่ตรงกับประตูเพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาและความวุ่นวาย เงินทองและโชคลาภไหลออก และหน้าประตูไม่ควรมีสิ่งของกีดขวางเพราะจะทำให้การไหลเวียนของพลังงานมีประสิทธิภาพไม่เต็มที่ ในส่วนของด้านหลังของโต๊ะทำงานควรเป็นกำแพงทึบ เปรียบเสมือนเป็นพลังของภูเขาใหญ่ที่จะคอยเกื้อหนุนให้คนคอยสนับสนุนและมีอำนาจ แต่หากไม่มีกำแพงก็ควรหาตู้หรือต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่วางไว้ด้านหลังแทน ไม่ควรปล่อยให้ด้านหลังโต๊ะทำงานว่างหรือเปิดโล่งโดยเด็ดขาด และไม่ควรตั้งโต๊ะทำงานในมุมอับของห้องเพราะเปรียบเสมือนเป็นทางตัน มีความอึดอัด ความคับข้องใจและหาทางออกไม่ได้ การจัดวางสิ่งของบนโต๊ะทำงาน เป็นการเสริมบารมีและช่วยให้การทำงานราบรื่น ด้านซ้ายของโต๊ะทำงานควรวางสิ่งของที่เกี่ยวกับความรู้และอำนาจ เช่น คอมพิวเตอร์, ชั้นวางหนังสือ, ชั้นวางของ ส่วนด้านขวามือของโต๊ะทำงานควรวางสิ่งของที่เกี่ยวกับการประสานงาน ความคิดสร้างสรรค์ และความสัมพันธ์ เช่น รูปครอบครัว, ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ , กล่องใส่ปากกา, ปากกาสีต่าง ๆ เสริมวัตถุมงคลบนโต๊ะทำงาน ที่จะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้มากยิ่งขึ้นเป็นพลังเสริมที่จะสร้างพลังงานให้กับการทำงาน ซึ่งวัตถุมงคลที่สามารถวางเสริมบนโต๊ะทำงานได้มีหลายชนิด เช่น 6.1 แก้วน้ำหรือหินนำโชค หากวางไว้บนโต๊ะทำงานจะช่วยดูดทรัพย์และรับพลังงานด้านดีเข้ามา แต่ควรหมั่นทำความสะอาดให้มีความใสสะอาดอยู่เสมอ 6.2 เต่าคริสตัล เต่าเป็นสัตว์มงคลที่จะช่วยดูดซับพลังงานด้านบวกรอบตัวมาเสริมพลังให้กับผู้ที่นั่งโต๊ะทำงาน เป็นพลังงานที่สนับสนุนทั้งในหน้าที่ด้านการงาน ด้านการเงิน ความมั่งคั่งและความมั่นคงในตำแหน่งการงาน 6.3 ต้นไม้ขนาดเล็ก เป็นสิ่งมงคลยอดนิยมที่มักนำมาประดับตกแต่งบนโต๊ะทำงาน ต้นไม้จะช่วยเพิ่มออกซิเจนและสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้กับห้องทำงานได้ และยังมีความหมายของพลังงานที่ดีในการงานทำงาน ซึ่งแต่ละประเภทของต้นไม้ก็ให้พลังที่แตกต่างกันออกไป เช่น ต้นโฮย่าหัวใจ ช่วยเสริมศักยภาพในการทำงานและช่วยเพิ่มพลังอำนาจให้มีมากยิ่งขึ้น, ต้นเศรษฐีเรือนใน ช่วยดูดซับสารพิษและเสริมด้านโชคลาภ, ต้นออมเงิน ช่วยในการออมทรัพย์ ทำให้การทำงานมีรากฐานมั่นคง และควบคุมการใช้เงินไม่ให้ฟุ่มเฟือยจนเกินไป, ต้นโป๊ยเซียนแคระ เชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้และยิ่งถ้าออกดอก 8 ดอกขึ้นไปจะยิ่งช่วยเพิ่มโชคลาภมากยิ่งขึ้น, ต้นไผ่กวนอิม เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนโบราณมักนำมาใช้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้า จะช่วยเสริมดวงในด้านโชคลาภและนำพาเงินทองและของมีค่ามาสู่เจ้าของโต๊ะทำงาน, ต้นเฟิร์นข้าหลวง ช่วยเสริมความภูมิฐานและเกียรติยศให้กับครอบครัว นอกจากทั้ง 6 ข้อนี้ยังมีหลักในการจัดโต๊ะทำงานที่เป็นเหมือนกุศโลบายให้เจ้าของโต๊ะจัดโต๊ะทำงานให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เช่น ไม่ควรปล่อยให้โต๊ะทำงานรกเพราะเปรียบเสมือนสร้างอุปสรรคให้กับการทำงานทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลงไป ซึ่งการจัดโต๊ะทำงานตามหลักของฮวงจุ้ยนอกจากจะให้ความเชื่อมั่นทางด้านจิตใจแล้วในด้านของฟังก์ชันการใช้งานก็ช่วยสร้างให้โต๊ะทำงานมีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น Jenstore by Jenbunjerd ผู้ผลิตและจำหน่ายโต๊ะทำงาน, โต๊ะสำนักงาน, โต๊ะทำงานเหล็ก, โต๊ะทำงานไม้, โต๊ะอเนกประสงค์, โต๊ะคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นยังจำหน่ายเก้าอี้สำนักงานที่แข็งแรงและทนทานมีหลายชนิดและหลายแบบให้เลือกสั่งซื้อ โดยอุปกรณ์ทั้งหมดผลิตจากวัสดุที่มีมาตรฐานภายใต้แบรนด์คุณภาพ พร้อมการรับประกันสินค้าคุณภาพ 100% และการบริการทั้งก่อนและหลังการขายที่จะช่วยให้การซื้อสินค้าของคุณเป็นเรื่องง่ายและได้สินค้าที่มีประสิทธิภาพตามความต้องการของคุณมากที่สุด สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
เคล็ด (ไม่) ลับวิธีใช้งานและการดูแลรักษาเครื่องมือช่างให้ใช้งานได้ยาวนาน

เคล็ด (ไม่) ลับวิธีใช้งานและการดูแลรักษาเครื่องมือช่างให้ใช้งานได้ยาวนาน เพิ่มอายุให้เครื่องมือช่างต้องเลือกใช้อย่างถูกต้องและเก็บรักษาอย่างถูกวิธี เครื่องมือช่างไอเทมสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมหรือบำรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องมือช่างมักเป็นอุปกรณ์ติดบ้านที่ทุกบ้านต้องมีหรือแม้แต่ในโรงงานอุตสาหกรรมก็ยังต้องมีเครื่องมือช่างไว้ใช้ในการซ่อมแซมหรือบำรุงเครื่องจักรเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เครื่องมือช่างจึงต้องรับบทหนักในการทำงานและเป็นเครื่องมือที่ต้องมีความพร้อมตลอดเวลา การดูแลรักษาเครื่องมือช่างจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับช่างซ่อมบำรุงหรือช่างประจำบ้านเพราะถ้าเครื่องมือช่างมีสภาพที่สมบูรณ์ตลอดเวลาจะช่วยให้สามารถซ่อมแซมได้อย่างทันท่วงทีและยังช่วยยืดอายุของเครื่องมือช่างให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการใช้งานหากใช้งานไม่ถูกต้อง ไม่ถูกประเภทของงานจะทำให้เครื่องมือช่างได้รับความเสียหายและก่อให้เกิดอันตรายที่ไม่สามารถคาดคิดได้ ดังนั้นก่อนใช้งานเครื่องมือช่างควรทำความรู้จักกับประเภทของเครื่องมือช่างเพื่อให้นำไปใช้งานและดูแลรักษาได้อย่างถูกต้อง ประเภทของเครื่องมือช่าง การใช้งาน และวิธีดูแลรักษา เครื่องมือช่างประเภทงานเจาะ มีหน้าที่เจาะให้วัตถุอย่างเช่น ไม้, ปูน พลาสติก หรือเหล็กเกิดช่องว่างเพื่อใส่นอต สกรู หรือเดือยเข้าไป ซึ่งงานเจาะมีหลายประเภท เช่น งานเจาะกระแทก, งานเจาะรู ตัวอย่างของเครื่องมือช่างประเภทเจาะได้แก่ สว่าน สว่านจะมีลักษณะคล้ายปืนส่วนปลายจะมีเหล็กยื่นออกมาเรียกว่า “ดอกสว่าน” เอาไว้เจาะวัตถุที่ต้องการบางรุ่นของสว่านสามารถเปลี่ยนดอกสว่านหลายขนาดได้ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งสว่านและดอกสว่านมีหลายประเภทตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ประเภทของสว่าน 1. สว่านมือหรือสว่านเฟือง ใช้สำหรับเจาะรูขนาดเล็ก 2. สว่านไฟฟ้า ใช้สำหรับเจาะวัสดุชนิดต่าง ๆ เช่น คอนกรีต, ปูน, โลหะ, ไม้ และพลาสติก มีความรวดเร็วในการเจาะ และใช้งานสะดวก ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน 3. สว่านข้อเสือ มีลักษณะเป็นรูปตัวยู มีคันหมุน นิยมใช้ร่วมกับดอกสว่านที่มีขนาดระหว่าง ¼ -1 นิ้วนิยมใช้ในงานไม้ ประเภทของดอกสว่าน 1. ดอกสว่านเจาะไม้ ส่วนปลายของดอกสว่านจะแหลมคล้ายหางปลาเพื่อลดการแกว่ง ขนาดของดอกสว่านชนิดนี้ที่นิยมใช้กันคือ 5,6 หรือ 8 มิลลิเมตร ใช้ในการเจาะไม้ที่ไม่ได้มีขนาดที่กว้าง แต่มีข้อควรระวังดอกสว่านเจาะไม้ผลิตจากคาร์บอนต่ำ ทำให้ไม่สามารถทนความร้อนได้ 2. ดอกสว่านเจาะเหล็ก เป็นดอกสว่านที่สามารถเจาะได้หลายวัสดุ เช่น เหล็ก, อลูมิเนียม, ไม้เนื้ออ่อน พลาสติก จึงทำให้ดอกสว่านเจาะเหล็กมีหลายชนิด เช่น ดอกสว่านชุบดำ, ดอกสว่านไฮสปีด, ดอกสว่านไฮสปีดเคลือบไทเทเนียม, ดอกสว่านเจาะสแตนเลส, ดอกสว่านทรงเจดีย์ และดอกสว่านโฮวซอร์เจาะเหล็ก 3.ดอกสว่านเจาะปูนหรือเจาะคอนกรีต ลักษณะของดอกสว่านจะเป็นเกลียวบิด ส่วนปลายดอกเป็นเหล็กชุบแข็งพิเศษ ช่วยในการรองรับแรงกระแทกจากการใช้งาน ใช้ในการเจาะปูน ซีเมนต์ บล็อก หรืออิฐ เป็นต้น ชนิดของดอกสว่านเจาะปูนหรือคอนกรีต เช่น ดอกสว่านเจาะคอนกรีตก้านกลม, ดอกสว่านโรตารี่, ดอกสว่านโฮลซอว์เจาะคอนกรีต การใช้งาน • ควรตรวจสอบสว่านทุกครั้งก่อนใช้งาน • ควรเลือกสว่านและดอกสว่านให้เหมาะสมกับวัสดุที่ต้องเจาะและการนำไปใช้งาน • ก่อนเจาะควรตอกเหล็กนำศูนย์ตามตำแหน่งที่ต้องการและควรจับชิ้นงานให้แน่นก่อนทำการเจาะ • ออกแรงให้สัมพันธ์กับการหมุน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานเอง • หากต้องการเจาะให้ทะลุควรมีวัสดุรองรับ • ในขณะใช้งานไม่ควรใช้มือดึงเศษวัสดุออก • ถ้าสว่านเกิดติดขัดกับรูเจาะควรปิดสวิตช์ทันที วิธีดูแลรักษา • ใช้หินเจียรเพื่อลับดอกสว่านให้คมอยู่เสมอ • หลังจากใช้งานทุกครั้งควรถอดดอกสว่านออกแล้วหมุนหัวจับดอกสว่านให้เข้าที่ • ควรทาจาระบีที่เฟืองและหัวจับดอกสว่านเดือนละครั้งเพื่อป้องกันการเกิดสนิม • ควรทำความสะอาดสว่านทุกครั้งหลังการใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้เศษวัสดุต่าง ๆ มาติดที่มอเตอร์ • ควรจัดเก็บสว่านและดอกสว่านในตู้เก็บเครื่องมือช่างเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน เครื่องมือช่างสำหรับขันและไข เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่ใช้ในการขันและไขสำหรับนอตหรือสกรูนิยมมีไว้ติดบ้านมีการใช้งานอย่างหลากหลายจึงทำให้มีหลายประเภท เช่น ประแจ, ไขควง ซึ่งประแจและไขควงยังมีการแยกประเภทออกไปตามลักษณะการใช้งานดังนี้ 2.1 ประแจ เป็นเครื่องมือช่างที่มีหลายชนิดแต่ละชนิดก็มีลักษณะที่แตกต่างกันเพื่อรองรับการใช้งานช่างที่หลากหลาย โดยชนิดของประแจมีดังนี้       2.1.1 ประแจปากตาย เป็นชนิดของประแจที่ไม่ต้องใช้แรงขันหรือไขมากนักเพราะมีด้านที่รับแรงทั้ง 2 ด้าน ปลายทั้งสองด้านจะมีลักษณะคล้ายตะขอ ประแจปากตายเหมาะสำหรับงานที่อยู่ในที่ที่จำกัดเพราะจับเหลี่ยมนอตได้พอดี       2.1.2 ประแจแหวน ปลายทั้งสองข้างจะเป็นวงกลม เป็นชนิดของประแจชนิดที่มีแรงกดมาก จึงใช้ได้ดีกับนอตหรือสกรูที่ต้องใช้กับแรงขันมาก ๆ สามารถจับเหลี่ยมโบลท์และนอตได้เต็มที่แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมจึงจะจับชิ้นงานได้อย่างสมบูรณ์ เหมาะใช้ในงานซ่อมรถยนต์, รถมอเตอร์ไซค์, รถจักรยาน และเครื่องจักรต่าง ๆ        2.1.3 ประแจบล็อก เป็นเครื่องมือช่างที่สำคัญสำหรับช่างยนต์มีหน้าที่ในการจับ ยึด ขัน หรือคลายหัวสกรู นอต สลักเกลียว โดยประแจบล็อกจะมีรูปร่างคล้ายท่อที่มีขนาดและความยาวที่แตกต่างกัน ส่วนด้านในมีเป็นลักษณะเป็นหยัก ๆ เพื่อช่วยให้ยึดนอตหรือสกรูให้แน่นมากขึ้นและต้องใช้ด้ามต่อประแจเพื่อให้สามารถจับและออกแรงได้ ประแจบล็อกใช้งานได้ดีสำหรับวัดแรงและกดขันนอต       2.1.4 ประแจเลื่อน เป็นชนิดของประแจที่มีปลายด้านหนึ่งมีลักษณะคล้ายหัวปลาสามารถปรับความกว้างของปากประแจใช้สำหรับขันเกลียว นอต หรือ ยึด อุปกรณ์ต่าง ๆ เหมาะสำหรับใช้ในงานถอดประกอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์และเครื่องจักร การใช้งาน • เลือกใช้ประแจที่มีขนาดของปาก และความยาวของด้ามที่เหมาะสมกับงานที่ใช้ ไม่ควรต่อด้ามให้ยาวกว่าปกติ • ควรตรวจสอบปากของประแจก่อนใช้งานทุกครั้งต้องไม่ชำรุด เช่น สึกหรอ ถ่างออก หรือร้าว • ปากของประแจทุกประเภทเมื่อใช้งานต้องแน่นและคลุมเต็มหัวนอตหรือสกรูพอดี • สำหรับผู้ถนัดมือขวาควรใช้มือขวาจับปลายประแจ ส่วนมือซ้ายหาที่ยึดให้มั่นคงและสมดุล • การใช้งานประแจไม่ว่าจะขันหรือไขคลายต้องใช้วิธีดึงเข้าหาตัวเสมอ และเตรียมความพร้อม สำหรับปากประแจหลุดขณะขันด้วย • ในการใช้งานควรเลือกใช้ประแจชนิดปากปรับไม่ได้ก่อน เช่น ประแจแหวน หากขันหรือคลายไม่ได้จึงค่อยเลือกใช้ประแจชนิดปากปรับได้ เช่น ประแจเลื่อนแทน การใช้ประแจชนิดปากปรับได้ เช่น ประแจเลื่อน ควรให้ปากด้านที่เลื่อนได้อยู่ติดกับผู้ใช้เสมอ • ปากและด้ามของประแจต้องแห้งปราศจากน้ำมันหรือจาระบีเมื่อต้องการใช้งาน • การขันนอตหรือสกรูที่อยู่ในที่แคบหรือลึกควรใช้ประแจบล็อกเพราะปากของประแจสามารถสอดเข้าไปในรูที่คับแคบได้ วิธีดูแลรักษา • ไม่ใช้งานประแจผิดประเภทเช่นการตอกหรือตีแทนค้อน • ควรทำความสะอาดหลังเลิกใช้งานโดยชโลมน้ำมันเครื่องเพื่อไม่ให้เป็นสนิมให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น • หลีกเลี่ยงการใช้ประแจที่มีขนาดใหญ่กว่าสกรูหรือนอตเพื่อป้องกันอันตรายจากการลื่นไถล • ควรตรวจสอบประแจอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ประแจมีสภาพพร้อมในการใช้งาน 2.2 ไขควง เป็นเครื่องมือช่างที่มีลักษณะที่แตกต่างจากประแจแต่มีการใช้งานเหมือนกัน ไขควง เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งออกแบบมาเพื่อขันสกรูให้แน่นหรือไขคลายสกรูออก ลักษณะของไขควงด้านหนึ่งจะเป็นแท่งโลหะส่วนปลายจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันเพื่อให้ใช้ได้กับนอตหรือสกรูชนิดต่าง ๆ และอีกด้านหนึ่งจะมีด้ามจับคล้ายทรงกระบอกสำหรับการไขด้วยมือ แต่ไขควงบางชนิดจะหมุนด้วยมอเตอร์ หรือบางชนิดทำงานโดยการส่งทอร์กจากการหมุนไปที่ปลาย ตัวอย่างชนิดของไขควงมีดังนี้        2.2.1 ไขควงแฉก ปลายโลหะจะเป็นรูปกากบาทปลายเป็นมุมเหมาะสำหรับใช้รับมือกับแรงบิดที่สูงและหัวสกรูหรือนอตที่มีความลึกใช้ได้ตั้งแต่งานเฟอร์นิเจอร์จนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า        2.2.2 ไขควงแบน ปลายโลหะจะมีลักษณะเหมือนสิ่วใช้กับสกรูหรือนอตที่มีหัวเป็นร่องผ่าโดยต้องใช้ไขควงที่มีขนาดเหมาะสมกับร่องของนอตหรือสกรูเพราะหากใหญ่เกินไป อาจทำให้ไขควงลื่นออกจากร่องและเกิดอันตรายได้แต่หากมีขนาดเล็กเกินไปอาจทำให้ไขควงหรือนอตและสกรูเสียหายได้        2.2.3 ไขควงหกแฉก นิยมใช้ในการงานด้านยานยนต์ปลายของโลหะเป็นร่องหกแฉกซึ่งช่วยให้มีจุดรับน้ำหนักมากขึ้นเมื่อลงแรงหมุนลงไปทำให้ไขนอตหรือสกรูได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังใช้งานร่วมกับสว่านได้อีกด้วย        2.2.4 ไขควง Robertson เป็นชนิดของไขควงที่ให้แรงบิดสูงและช่วยล็อกนอตหรือสกรูได้ดีจึงนิยมใช้ในงานที่หัวนอตจมอยู่ใต้พื้นผิววัสดุ ไขควง Robertson ยังมีการกำหนดสีเพื่อใช้ระบุขนาดอีกด้วย 2.2.5 ไขควงหัวบล็อก ลักษณะของปากไขควงชนิดนี้จะเป็นบล็อกหกเหลี่ยมใช้สำหรับนอตหรือสกรูที่มีร่องเป็นหกเหลี่ยมป้องกันไม่ให้มีการลื่นไถลขณะใช้งาน การใช้งาน • ไม่ควรใช้ด้ามไขควงในการทุบแทนอุปกรณ์ค้อน • ไม่ควรใช้ไขควงงัดหรือแงะเพราะอาจจะทำให้ไขควงเกิดความเสียหาย • ไขควงชนิดที่มีด้ามจับเป็นฉนวนหรือยางหุ้มสามารถใช้งานเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าได้ • ควรเลือกใช้ประเภทและขนาดของไขควงให้เหมาะสมกับประเภทของงานและขนาดของนอตหรือสกรู • เมื่อไขควงชำรุดหรือเสียหายไม่ควรนำมาใช้ต่อ • การขันนอตหรือสกรูให้แน่นควรกดไขควงลงบนหัวนอตหรือสกรูให้แน่นและใช้แรงกลในการขันให้แน่นโดยให้หมุนไขควงไปทางขวาหรือตามเข็มนาฬิกาจนนอตหรือสกรูแน่น • การไขเพื่อคลายนอตหรือสกรูควรกดไขควงลงและหมุนไขควงไปทางซ้ายหรือหมุนทวนเข็มนาฬิกาจนกระทั่งนอตหรือสกรูถูกคลายออกจากชิ้นงาน วิธีการบำรุงรักษา • ก่อนการใช้งานควรตรวจสอบปลายของไขควงว่ามีลักษณะตรงกับชนิดของร่อง • และมีขนาดพอดีกับร่องของหัวนอตหรือสกรูที่จะทำการไขหรือไม่ หลังการใช้งานควรเช็ดทำความสะอาด ทาน้ำมันกันสนิมเก็บและเก็บไว้ในกล่องอะไหล่หรือตู้เก็บเครื่องมือเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งาน Jenstore by Jenbunjerd ศูนย์รวมเครื่องมือช่างอุตสาหกรรม เช่น สว่านไฟฟ้า, บล็อกไฟฟ้า, เครื่องเชื่อม, เครื่องตัด, ลูกบล็อก, ประแจ, ไขควง, ไขควงลองไฟ, คีม, ดอกสว่าน, ปืนยิงกาว, แท่นตัด, แท่นเจียร ยินดีให้คำปรึกษาการเลือกใช้งานสินค้าเครื่องมือช่าง รับจัดหาสินค้าให้ตรงตามรูปแบบการใช้งานที่ต้องการ มีบริการหลังการขายพร้อมการรับประกันคุณภาพสินค้า สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
เครื่องวัดอุณหภูมิประเภทต่าง ๆ และการใช้งาน

เครื่องวัดอุณหภูมิประเภทต่าง ๆ และการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิ อุปกรณ์ที่สำคัญที่ทุกอุตสาหกรรมต้องมี ตัวเลขบนเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าวัตถุที่ถูกวัดมีอุณหภูมิเท่าไร ร้อน เย็น หรือมีความชื้น เพื่อบอกว่าอุณหภูมิมีความเหมาะสม ปกติหรือผิดปกติหรือไม่ เครื่องวัดอุณหภูมิสามารถวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่อาหาร ของเหลว ก๊าซ โลหะ หรือแม้แต่มนุษย์ เครื่องวัดอุณหภูมิมีองค์ประกอบหลัก ๆ ที่สำคัญ 2 องค์ประกอบคือ เซนเซอร์ที่ไว้สำหรับตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของวัตถุ และอุปกรณ์ที่ไว้แสดงข้อมูลอุณหภูมิ แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องวัดอุณหภูมิให้มีความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่น มีระบบปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน, มีระบบบันทึกค่าอุณหภูมิที่วัดครั้งล่าสุด และมีการประมวลผลที่มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น หน่วยวัดอุณหภูมิที่ใช้ในระดับสากลมีด้วยกัน 3 หน่วย คือ องศาเซลเซียส, ฟาเรนไฮต์ และเคลวิน เครื่องวัดอุณหภูมิที่มีการใช้งานในปัจจุบันมีหลากหลายชนิดแต่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะในการใช้งานซึ่งมีผลต่อการตั้งค่าความแม่นยำในการวัดอุณหภูมิเป็นอย่างมาก ประเภทของเครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับทางการแพทย์ ใช้สำหรับวัดไข้เป็นการตรวจหาสิ่งผิดปกติของร่างกายเบื้องต้นเพื่อให้สามารถทำการรักษาได้ถูกต้องและทันท่วงที เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่มีความแม่นยำมากที่สุด ซึ่งเครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับทางการแพทย์มีด้วยกันอยู่ 3 ชนิด  อินฟราเรดเทอร์โมมิเตอร์ เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่มีความแม่นยำมากที่สุด โดยมีค่าแม่นยำที่ ±0.3 องศาเซลเซียส วัดอุณหภูมิโดยที่ไม่ต้องสัมผัสร่างกาย แต่วัดอุณหภูมิโดยการใช้รังสีความร้อนที่ปล่อยออกมาจากร่างกาย ในการใช้อินฟราเรดเทอร์โมมิเตอร์จะมีการกำหนดจุดสำหรับวัดอุณหภูมิด้วยแสงเลเซอร์ สามารถวัดอุณหภูมิในระยะไกลได้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโรค แถบอุณหภูมิ เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดอุณหภูมิที่นิยมใช้ในกรณีที่โรงพยาบาลต้องการวัดอุณหภูมิของผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว โดยเครื่องวัดอุณหภูมิชนิดนี้จะมีแถบอุณหภูมิที่มีผลึกเหลวซึ่งเป็นสารเคมีที่แตกต่างกันอยู่บนพื้นผิวกระดาษดูดซับพิเศษ ที่ตอบสนองต่อความร้อนโดยการเปลี่ยนสี โดยแต่ละสีจะบ่งบอกถึงอุณหภูมิของร่างกาย ซึ่งการวัดแถบอุณหภูมิจะวัดที่บริเวณหน้าผากใช้เวลาอย่างน้อย 15 วินาที หรือจนกระทั่งสีที่ปรากฏขึ้นไม่เปลี่ยนสี หลังจากใช้งานเสร็จสามารถเช็ดทำความสะอาด หรือล้างด้วยสบู่หรือน้ำก็ได้แต่อย่านำไปแช่น้ำโดยเด็ดขาด นอกจากนี้แถบวัดอุณหภูมิยังใช้วัดมอเตอร์หรือเครื่องจักรในงานอุตสาหกรรมได้อีกด้วย ปรอทวัดไข้ เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่นิยมในการใช้งาน มีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบแก้วและแบบดิจิทัลแต่ในปัจจุบันนิยมใช้แบบดิจิทัลมากกว่าเนื่องจากมีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่าแบบแก้วเนื่องจากภายในของกระเปาะแก้วจะบรรจุปรอทไว้เพื่อใช้วัดอุณหภูมิ หากมีการแตก หัก จะทำให้สารปรอทรั่วออกมาจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ ในปัจจุบันก็ไม่เป็นที่นิยมในการใช้งาน ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลจะใช้ระบบเซนเซอร์ในการตรวจจับอุณหภูมิซึ่งมีค่าความแม่นยำอยู่ที่ 1-2 องศาเซลเซียส โดยสามารถใช้วัดได้ทั้งทางปากหรือรักแร้ แต่การใช้งานควรหลีกเลี่ยงน้ำ ของเหลว หรือการตกจากที่สูง เพราะอาจทำให้เซนเซอร์มีความคลาดเคลื่อนได้ เครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับอุตสาหกรรม เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร ใช้ในการตรวจสอบอุณหภูมิของอาหารในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อให้แน่ใจว่าอุณหภูมิที่ได้มีความเหมาะสมหรือปลอดภัยสำหรับการรับประทาน เครื่องวัดอุณหภูมิอาหารสามารถวัดอุณหภูมิอาหารได้ทั้งภายในและภายนอกของอาหาร ซึ่งสามารถวัดชิ้นอาหาร ของเหลว หรืออุณหภูมิในการปรุงอาหาร จึงทำให้เครื่องวัดอุณหภูมิอาหารมีหลายประเภทเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมและแม่นยำ โดยเครื่องวัดอุณหภูมิอาหารมีด้วยกัน 4 ประเภทคือ1.1 เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด เป็นการวัดอุณหภูมิจากความร้อนของผิวด้านนอก สามารถใช้ตรวจสอบอุณหภูมิได้ทั้งระหว่างการปรุงอาหาร เช่น วัดความร้อนของน้ำ หรืออาหารที่ปรุงสุกแล้ว เพื่อตรวจเช็ก อุณหภูมิว่ามีความเหมาะสมในการใช้งานและความปลอดภัยในการรับประทานหรือไม่ 1.2 เครื่องวัดอุณหภูมิแบบเข็ม จะมีลักษณะเป็นแท่งสแตนเลสยาว แหลม และมีตัวบอกอุณหภูมิเป็นดิจิทัล สามารถวัดอุณหภูมิได้ทั้งเนื้อสัตว์และน้ำ โดยจะใช้สแตนเลสปลายแหลมแทงเข้าไปที่เนื้อสัตว์ตั้งแต่การปรุงอาหารจนกว่าจะได้อุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อปรุงอาหารให้สุกและมีเนื้อสัมผัสที่ต้องการ เพราะหากรับประทานอาหารดิบโดยเฉพาะเนื้อหมูและสัตว์ปีกจะมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ 1.3 เครื่องวัดอุณหภูมิไบเมทัล จะมีลักษณะคล้ายเครื่องวัดอุณหภูมิแบบเข็มแต่จะเป็นแท่งโลหะสองแท่งที่ทำจากโลหะ 2 ชนิด มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลหะทั้งสองจะมีการบิดงอที่แตกต่างกัน โดยที่ตัวบอกอุณหภูมิจะเป็นแบบเข็มนาฬิกา นิยมใช้วัดอุณหภูมิที่เป็นของเหลว เช่น น้ำมัน เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปรุงอาหาร เครื่องวัดอุณหภูมิไบเมทัลเหมาะสำหรับวัดอุณหภูมิที่มีค่าสูง ๆ ประมาณ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป แต่จะมีความแม่นยำที่น้อยในอุณหภูมิที่ต่ำ 1.4 เครื่องวัดอุณหภูมิในเตาอบ จะมีหน้าปัดเหมือนเข็มนาฬิกาจะมีทั้งแบบที่เป็นขาตั้งและมีตะขอเพื่อวางหรือแขวนในเตาอบ เครื่องวัดอุณหภูมิในเตาอบจะใช้ตรวจสอบการกระจายความร้อนและวัดอุณหภูมิในเตาอบให้ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการเพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพที่ดีและอร่อยในการรับประทาน เครื่องวัดอุณหภูมิอาหารควรผ่านมาตรฐานของ GMP และ HACCP เพื่อให้ได้เครื่องมือที่มีคุณภาพทั้งความแม่นยำและความปลอดภัยในการใช้งาน เทอร์โมสแกน มีอีกชื่อเรียกว่ากล้องถ่ายภาพความร้อนหรือกล้องอินฟราเรด เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่จะแสดงค่าพลังงานความร้อนเป็นภาพแสงที่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับใช้วิเคราะห์อุณหภูมิ เทอร์โมสแกนเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่มีความแม่นยำสูง เพราะมีความไวต่อความยาวคลื่นตั้งแต่ 1,000 นาโนเมตรถึงประมาณ 14,000 นาโนเมตร จึงใช้ความร้อนเพียงเล็กน้อยในการทำงาน เหมาะสำหรับงานด้านอุตสาหกรรม ซ่อมบำรุงด้านไฟฟ้า เครื่องจักรกล และการตรวจหารอยรั่วของน้ำในผนังที่ตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งเทอร์โมสแกนมีด้วยกัน 2 ประเภท 2.2.1 เทอร์โมสแกนแบบระบายความร้อน เครื่องวัดอุณหภูมิชนิดนี้จะต้องมีการระบายความร้อนเพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสะสมจนทำให้เกิดการ “ตาบอด” หรือระบบท่วมไปด้วยรังสี จะทำให้กล้องไม่สามารถทำงานต่อไปได้และต้องใช้เวลานานในการลดความร้อนจึงจะเริ่มทำงานได้ใหม่อีกครั้ง 2.2.2 เทอร์โมสแกนที่ไม่มีการระบายความร้อน เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จะใช้เซนเซอร์ในการเปลี่ยนแปลงความต้านทานแรงดันไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าเมื่อได้รับความร้อนจากรังสีอินฟราเรด จากนั้นจะถูกวัดและเปรียบเทียบกับค่าอุณหภูมิของเซนเซอร์และแสดงออกมาเป็นรูปภาพ เซนเซอร์อินฟราเรดที่ไม่มีการระบายความร้อน สามารถปรับอุณหภูมิให้เสถียรในการทำงานได้เพื่อลดสัญญาณรบกวนของภาพ และเทอร์โมสแกนชนิดนี้ยังมีขนาดที่เล็กและมีราคาที่ย่อมเยา มานอเมตริก เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่วัดการเปลี่ยนแปลงความดันภายในก๊าซและของเหลว เหมาะสำหรับวัดอุณหภูมิในก๊าซแอลกอฮอล์ คลอโรมีเทน หรือของเหลวชนิดต่าง ๆ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล เป็นระบบเซนเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าจอแบบดิจิทัลเครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัลมีเทอร์มิสเตอร์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่แม่นยำและมีการแสดงผลที่รวดเร็ว จึงนิยมใช้ในการวัดอุณหภูมิห้อง ตู้เย็น เป็นต้น เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด มีระบบการทำงานและการใช้งานเหมือนเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดทางการแพทย์ สามารถวัดอุณหภูมิในระยะไกลได้ มีขนาดเล็กและพกพาได้ง่าย แต่จะมีความแม่นยำน้อยกว่าเครื่องมืออุณหภูมิอินฟราเรดทางการแพทย์ เนื่องจากมีระยะวัดอุณหภูมิที่กว้างกว่าเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมที่มีอุณหภูมิสูง เครื่องวัดอุณหภูมิมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการตรวจสอบความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นทั้งงานทางด้านการแพทย์และงานด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเครื่องมือวัดอุณหภูมิสามารถป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น โดยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นการเลือกใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิจึงต้องเลือกที่มีมาตรฐานและคุณภาพเพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบโดยควรได้รับมาตรฐาน มอก. หรือ ISO เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน Jenstore by Jenbunjerd จำหน่ายและผลิตเครื่องวัดอุณหภูมิ, เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น, กล้องถ่ายภาพความร้อน, เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด, เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร ผลิตจากวัสดุพิเศษ คุณภาพดี แข็งแรง ทนทาน ใช้งานง่าย และมีความแม่นยำภายใต้แบรนด์คุณภาพ พร้อมบริการหลังการขายที่จะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
พาเลทพลาสติกรีไซเคิล หนึ่งองค์ประกอบสู่กรีน โลจิสติกส์

พาเลทพลาสติกรีไซเคิล หนึ่งองค์ประกอบสู่กรีน โลจิสติกส์ พาเลทพลาสติกรีไซเคิล การใช้งานแบบหมุนเวียนที่ช่วยลดมลพิษ พาเลท เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในงานโลจิสติกส์มีไว้สำหรับรองสินค้าเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้าย ถ่ายเท หรือขนส่งสินค้า ช่วยให้สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีจำนวนมาก ๆ ได้พร้อมกัน จึงช่วยประหยัดทั้งแรงงาน เวลา และต้นทุนของธุรกิจ ชนิดของพาเลทที่ใช้ในงานโลจิสติกส์มีหลายประเภท แต่ชนิดของพาเลทที่เป็นที่นิยมในการใช้งานคือ พาเลทไม้และพาเลทพลาสติก พาเลทไม้เป็นพาเลทที่ผลิตจากไม้ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติมีความแข็งแรงและราคาถูก สามารถซ่อมแซมได้เมื่อเกิดความเสียหาย แต่พาเลทพลาสติกผลิตจากเม็ดพลาสติกที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาจึงทำให้สามารถกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการได้ พาเลทพลาสติกจึงมีความแข็งแรง ทนทานต่ออุณหภูมิโดยเฉพาะอุณหภูมิติดลบ ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง ความชื้น มีน้ำหนักเบา แมลงไม่สามารถกัดแทะและเชื้อราไม่สามารถเจริญเติบโตได้ สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้งานใหม่หรือรีไซเคิลพาเลทพลาสติกที่เสียหายไม่สามารถใช้งานได้แล้วให้นำกลับมาใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้พาเลทพลาสติกมีราคาที่สูงกว่าพาเลทไม้ ซึ่งในการใช้งานโลจิสติกส์ต้องใช้พาเลททั้งสองชนิดเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลกระทบต่อธรรมชาติทั้งการตัดไม้ทำลายป่าและการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งโลกต้องเจอวิกฤตจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงโลจิสติกส์ด้วยเช่นกันทำให้มีการคิดค้นนวัตกรรมที่จะช่วยให้การใช้พาเลทก่อให้เกิดผลเสียต่อธรรมชาติให้น้อยมากที่สุดเพื่อให้ก้าวไปสู่กรีน โลจิสติกส์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะพาเลทพลาสติกที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้ยาก สามารถอยู่ได้เป็นหลายร้อยปี อีกทั้งหากกำจัดอย่างไม่ถูกวิธีก็ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและสร้างปริมาณขยะจำนวนมากจนโลกต้องเจอวิกฤตของขยะล้นโลกเหมือนในปัจจุบัน พาเลทพลาสติกรีไซเคิล นวัตกรรมรักษ์โลก พาเลทพลาสติกที่ใช้ในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่ผลิตจากเม็ดพลาสติกชนิด PP และ HDPE ซึ่งในปัจจุบันเม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตพาเลทพลาสติกจะเป็นเม็ดพลาสติกที่เกิดจากการรีไซเคิลจากพาเลทพลาสติกที่ใช้แล้วหรือที่แตกร้าวนำมาผลิตพาเลทพลาสติกใหม่อีกครั้ง ซึ่งได้มีการใช้สารเติมแต่งเพื่อให้ได้พาเลทพลาสติกที่มีคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพดีดังเดิม ซึ่งวิธีดังกล่าวช่วยลดจำนวนขยะพาเลทพลาสติกที่เสียหายหรือไม่สามารถนำมาใช้งานได้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อมเนื่องจากเม็ดพลาสติกมีน้ำมันเป็นวัตถุดิบซึ่งเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปและยังเป็นวัตถุดิบที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกต้นเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน นอกจากใช้พาเลทพลาสติกรีไซเคิลแล้วยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ได้พาเลทพลาสติกที่มีประสิทธิภาพและไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้ผลิตเม็ดพลาสติกที่ช่วยให้พาเลทพลาสติกมีความทนทานต่อแรงกด ทนทานต่อการเสียรูป ทนทานต่อการตกกระแทก และทนทานอุณหภูมิต่ำได้ดี อีกทั้งยังมีความแข็งแรงและความเหนียวมากขึ้น มีน้ำหนักเบา อีกทั้งยังฉีดขึ้นรูปพาเลทได้ง่าย เซตตัวได้เร็ว และใช้จำนวนเม็ดพลาสติกในการผลิตที่น้อยกว่าเม็ดพลาสติกเกรดทั่วไป ส่งผลให้พาเลทพลาสติกที่ได้ไม่มีฟองอากาศ ไม่มีรอยยุบ รอยย่น จึงช่วยลดปริมาณของพาเลทพลาสติกที่ไม่ได้มาตรฐานและยังช่วยประหยัดพลังงานในการผลิต ที่สำคัญเมื่อนำกลับมารีไซเคิลใหม่พาเลทพลาสติกที่ได้ยังคงมีความแข็งแรงในการใช้งานเหมือนเดิมและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญแม้แต่กระบวนการในการผลิตเม็ดพลาสติกยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ระบบควบคุมของเสียโดยใช้หลัก 3 Rs เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและไม่มีการปล่อยน้ำเสียจากการผลิตไปสู่แหล่งน้ำของชุมชนรอบโรงงานอีกด้วย สำหรับในต่างประเทศก็มีการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ อย่างบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศอินโดนีเซียที่มีการใช้งานพาเลทไม้ในงานโลจิสติกส์เป็นส่วนใหญ่ ก็พบกับปัญหาในการใช้งาน เช่น ไม่มีความทนทานต่ออุณหภูมิและความชื้นสูง ผุพังง่ายและอาจเป็นตัวล่อแมลง ดังนั้นจึงได้มีการหันมาใช้พาเลทพลาสติกโดยมีความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและต้องการให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตพาเลทพลาสติกจากพลาสติกรีไซเคิลและนำมาใช้ในศูนย์กระจายสินค้าที่อินโดนีเซีย มีชื่อเรียกว่า “พาเลทแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” เป็นการนำพลาสติกที่เหลือจากการผลิตภาชนะสุญญากาศปริมาณ 12 ตันมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพาเลทพลาสติก ซึ่งผลิตออกมาได้จำนวน 400 พาเลท มีคุณสมบัติที่มีความทนทานและมีอายุการใช้ที่ยาวนาน เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ 67.3 กิโลกรัมต่อพาเลท และการผลิตพาเลทพลาสติกโดยใช้พลาสติกรีไซเคิลยังใช้ต้นทุนในการผลิตใกล้เคียงกับพาเลทพลาสติกมาตรฐานทั่วไป อินโดนีเซียจึงมองเห็นช่องทางในการลดคาร์บอนในชั้นบรรยากาศจึงมีแผนที่จะหาพลาสติกเหลือใช้คุณภาพสูงมาใช้ผลิตพาเลทพลาสติกชนิดใหม่นี้ เพื่อนำไปใช้ที่ศูนย์กระจายสินค้าอื่น ๆ ทั่วโลก ธุรกิจโลจิสติกส์ของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าสู่กรีน โลจิสติกส์ จุดประสงค์ก็เพื่อช่วยให้โลกสามารถฟื้นฟูกลับมาสู่สมดุลอีกครั้ง นวัตกรรมสำหรับพาเลทพลาสติกรีไซเคิลเป็นเพียงกลไกหนึ่งที่จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้เงื่อนไขของธรรมชาติให้มากที่สุด แต่ยังมีศักยภาพมากพอที่จะสามารถสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับธุรกิจได้ โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยพัฒนาให้พาเลทพลาสติกเป็นอุปกรณ์ในการวางสินค้าที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้ โดยที่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด เพื่อให้ธุรกิจโลจิสติกส์ยังสามารถดำเนินธุรกิจและเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืนบนโลกใบเดิม Jenstore by Jenbunjerd เป็นผู้จำหน่ายพาเลทพลาสติกจัดเก็บแบบหน้าเดียว, พาเลทพลาสติก ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม นอกจากนั้นยังจำหน่ายอุปกรณ์ในการจัดเก็บ เช่น กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก, ถังพลาสติก ที่ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง ไม่มีกลิ่นฉุน พร้อมบริการหลังการขายจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยช่วยให้ท่านใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
พาเลทพลาสติก อุปกรณ์ยอดฮิตในธุรกิจโลจิสติกส์

พาเลทพลาสติก อุปกรณ์ยอดฮิตในธุรกิจโลจิสติกส์ พาเลทพลาสติก กลไกสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจโลจิสติกส์ พาเลทพลาสติกมีบทบาทที่สำคัญในธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งสินค้าแล้ว ยังสามารถช่วยรวบรวมสินค้าให้เป็นระบบ ช่วยให้สามารถขนย้ายสินค้าจำนวนมาก ๆ ได้พร้อมกัน ช่วยประหยัดเวลาในการขนถ่ายสินค้า และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายและขนส่ง ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์มีการหมุนเวียนสินค้าได้อย่างรวดเร็วทำให้มีศักยภาพในการแข่งขัน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนของธุรกิจได้เป็นอย่างดี พาเลทพลาสติก เป็นแท่นที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมใช้สำหรับวางสินค้าเพื่อลากเก็บ ลำเลียง หรือขนส่ง โดยพาเลทพลาสติกจะมีสองด้านคือ ด้านบนและด้านล่างโดยด้านบนจะเป็นด้านที่ใช้ในการวางสินค้าซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นผิวเรียบและแบบโปร่งลายตาราง ส่วนด้านล่างของแท่นจะมีช่องไว้สำหรับให้งาของรถลากพาเลท, รถยกไฟฟ้า หรือรถโฟล์คลิฟท์ สอดเข้าไปเพื่อยก-ย้ายสินค้า หรือพาเลทพลาสติกบางชนิดทั้งสองด้านสามารถใช้วางสินค้าได้โดยส่วนของขาจะอยู่ตรงกลางลักษณะคล้ายแซนด์วิช พาเลทพลาสติกนิยมใช้ในอุตสาหกรรมส่งออก เช่น ศูนย์โลจิสติกส์, คลังสินค้า และอุตสาหกรรมโรงงานทั่วไป โดยประเภทของพาเลทพลาสติกมีดังนี้ แบ่งตามประเภทของเม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตพาเลทพลาสติกซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1.1 เม็ดพลาสติกชนิด Polypropylene (PP) เป็นพลาสติกประเภทเทอร์โมพลาสติกที่เบามาก มีความเหนียว ทนต่อแรงดึง และแรงกระแทก แต่ไม่สามารถทนทานต่อความเย็นได้และหากตกลงมาจากที่สูงมาก ๆ สามารถแตกหักได้ พาเลทพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกชนิด PP นิยมใช้เพียงครั้งเดียว (Sigle Used) เนื่องจากมีน้ำหนักที่เบาและราคาถูกจึงประหยัดต้นทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ 1.2 เม็ดพลาสติก High Density Polyethylene (HDPE) เป็นพลาสติกประเภทเทอร์โมพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูงมีความแข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักที่มากเมื่อเทียบกับพาเลทพลาสติกที่ผลิตจากพลาสติก PP มีความทนทานต่อความเย็นได้ดีจึงสามารถนำมาใช้กับห้องเย็นที่มีอุณหภูมิติดลบได้ พาเลทพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกชนิด HDPE นิยมนำกลับมาใช้หมุนเวียน (Multiple Used) เพราะมีความแข็งแรงและทนทานในการใช้งานเป็นอย่างมาก แบ่งตามลักษณะทางกายภาพของพาเลทพลาสติก 2.1 Single Face Pallet พาเลทพลาสติกแบบหน้าเดียวโดยจะมีด้านหนึ่งที่เป็นด้านที่ใช้วางสินค้าได้อีกด้านจะเป็นขาที่มีลักษณะคล้ายตัว E จะมีช่องว่างระหว่างขาเพื่อให้งาสอดเข้าไปได้ พาเลทพลาสติกชนิดนี้สามารถใช้ได้กับรถแฮนด์พาเลท รถยกสูง และรถโฟล์คลิฟท์ 2.2 Double Face Pallet พาเลทพลาสติกแบบสองหน้า ทั้งด้านบนและด้านล่างของพาเลทจะเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้วางสินค้าได้และตรงกลางจะมีขาของพาเลทเพื่อรองรับน้ำหนักซึ่งจะมีช่องว่างระหว่างขาเพื่อให้งาสามารถสอดเข้าไปได้คล้ายแซนด์วิช พาเลทพลาสติกชนิดนี้มีความแข็งแรงมากว่าพาเลทพลาสติกชนิดแรกแต่สามารถใช้งานได้เฉพาะรถโฟล์คลิฟท์เท่านั้น 2.3 Window-Cross Pallet พาเลทพลาสติกแบบช่องหน้าต่างมีรูปแบบเหมือนกับพาเลทพลาสติกแบบสองหน้า แต่ตรงกลางจะเป็นขาที่มีลักษณะกากบาททั้ง 4 ด้านไขว้กันและมีช่องว่างคล้ายช่องหน้าต่าง 4 ช่อง มีความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนัก สามารถใช้กับรถโฟล์คลิฟท์และรถแฮนด์พาเลทได้ แบ่งตามการนำไปใช้งาน 3.1 พาเลทพลาสติกสำหรับส่งออก เป็นพาเลทพลาสติกชนิดที่สามารถซ้อนกันได้เพื่อประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน มีน้ำหนักเบา สามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 1,000 - 2,000 กิโลกรัม จึงนิยมใช้พาเลทพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก PP เพราะมีน้ำหนักที่เบา แข็งแรง และราคาถูก 3.2 พาเลทพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมทั่วไปและส่งออก เป็นพาเลทพลาสติกที่ใช้ทั้งในอุตสาหกรรมทั่วไปและการส่งออก พาเลทพลาสติกที่ใช้ในลักษณะดังกล่าวจะมีด้านหน้าที่เรียบ และฉีดขึ้นรูปพลาสติกเนื้อเดียวทั้งแผ่นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนักของสินค้าแผ่นพื้นหนาประมาณ 50 มม. โดยสามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 3,000 – 4,500 กิโลกรัม 3.3 พาเลทพลาสติกสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่สามารถใช้พาเลทพลาสติกได้ทั้ง 3 ลักษณะคือ Single-Face Pallet, Double-Face Pallet และ Window-Cross Pallet ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ในการยก-ย้าย หรือลักษณะของอุตสาหกรรมที่นำไปใช้งาน พาเลทพลาสติกชนิดนี้สามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 3,000 - 6,000 กิโลกรัม 3.3 พาเลทพลาสติกสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น อุตสาหกรรมแป้ง, ข้าว, น้ำตาล, ปูนซีเมนต์ และเคมีภัณฑ์ เป็นพาเลทพลาสติกที่มีความหนามากกว่าพาเลทพลาสติกทั่วไป ทั้งขากลางของพาเลทและพื้นที่ที่รับน้ำหนัก ซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 6,000 – 8,000 กิโลกรัม นิยมใช้พาเลทพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก HDPE เพื่อความแข็งแรงและทนทาน ขนาดมาตรฐานของพาเลทพลาสติก ขนาดของพาเลทพลาสติกเป็นสิ่งที่สำคัญในการเลือกใช้ โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องมีการส่งออก เนื่องจากบางประเทศมีการกำหนดขนาดของพาเลทในการใช้งานเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายหรือกฎระเบียบของประเทศนั้น ๆ ซึ่งขนาดมาตรฐานของพาเลทพลาสติกที่นิยมใช้กันตามหลัก ISO มีอยู่ด้วยกัน 3 ขนาด คือ ขนาด 80 x 120 เซนติเมตร นิยมใช้ในกลุ่มประเทศยุโรป ขนาด 110 x 110 เซนติเมตร ใช้ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่ประเทศญี่ปุ่นกำหนดขึ้นมา ขนาด 100 x 120 เซนติเมตร เป็นพาเลทขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดในประเทศไทยและทั่วโลก วิธีการเลือกใช้พาเลทพลาสติก การเลือกใช้พาเลทพลาสติกให้เหมาะกับลักษณะของสินค้า น้ำหนัก เครื่องมือในการเคลื่อนย้าย และลักษณะในการใช้งานจะช่วยป้องกันและรักษาความปลอดภัยของสินค้าได้ดี เช่น พาเลทพลาสติกเหมาะกับการขนส่งทางเรือและใช้หมุนเวียนภายในองค์กร เพราะพาเลทพลาสติกมีความแข็งแรง ทนทาน พื้นผิวกันลื่น น้ำหนักเบา สามารถทนความชื้นและไม่เป็นสนิม ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้พาเลทพลาสติก น้ำหนัก/ขนาด/รูปแบบการจัดเก็บ การเลือกพาเลทพลาสติกควรเลือกให้มีความสอดคล้องกับปัจจัยทั้ง 3 เพราะจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และปลอดภัยจากอุบัติเหตุในการใช้งาน เช่น ไม่ควรใช้พาเลทพลาสติกรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่พาเลทพลาสติกกำหนดไว้เพราะอาจทำให้เกิดการแตกร้าวหรือหัก ซึ่งส่งผลให้สินค้าได้รับความเสียหาย ขนาดของพาเลทควรมีขนาดที่พอดีกับขนาดของสินค้าเพื่อช่วยป้องกันการตกหล่น หรือการวางสินค้าบนชั้นวางสินค้าหรือสินค้าถูกเก็บไว้ในห้องเย็นควรใช้พาเลทพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก HDPE เพราะมีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกดทับของสินค้าและอุณหภูมิติดลบได้ดี เครื่องมือที่ใช้ในการยก-ย้าย ก่อนการเลือกพาเลทพลาสติกเพื่อนำมาใช้งานควรต้องวางแผนในการใช้งานและสำรวจเครื่องมือที่จะนำมาใช้ในการยก-ย้าย เนื่องจากพาเลทพลาสติกแต่ละชนิดสามารถใช้เครื่องมือในการยก-ย้ายได้แตกต่างกัน เช่น พาเลทพลาสติกแบบ Single Face Pallet สามารถใช้กับรถยกสูง รถลากพาเลท และรถโฟค์ลิฟท์ได้ ในขณะที่ Double Face Pallet สามารถใช้ได้เฉพาะกับรถโฟล์คลิฟท์เท่านั้น ความบ่อยในการเคลื่อนย้าย สินค้าที่วางไว้นาน ๆ กับสินค้าที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ย่อมมีความแตกต่างในการเลือกใช้พาเลทพลาสติก เพราะสินค้าที่มีการวางไว้เป็นเวลานาน ๆ ย่อมต้องมีการกดทับของสินค้าจึงต้องเลือกใช้พาเลทพลาสติกที่มีความแข็งแรง ทนทาน และยืดหยุ่นได้ดี อาจจะเลือกใช้พาเลทพลาสติกที่ใช้กับงานที่หนักหรือผลิตจากเม็ดพลาสติก HDPE สำหรับสินค้าที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายบ่อย ต้องการความแข็งแรงแต่มีน้ำหนักที่เบา ก็อาจเลือกใช้พาเลทพลาสติกชนิดที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมทั่วไปและการส่งออก และพาเลทพลาสติกที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ประเทศปลายทางที่ส่งออก ในหลายประเทศมีการกำหนดขนาดของที่จะนำเข้ามาในประเทศ มีผลต่อการเลือกใช้พาเลทพลาสติก เช่น ประเทศในแถบยุโรปกำหนดขนาดของพาเลทพลาสติกที่จะเข้ามาสู่ประเทศคือขนาด 80 X 120 เซนติเมตร หรือประเทศญี่ปุ่นกำหนดขนาดไว้ที่ 110 X 110 เซนติเมตร หากขนาดของพาเลทพลาสติกไม่เป็นไปตามที่ประเทศนั้นกำหนดไว้ สินค้าจะถูกส่งกลับซึ่งมีผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง หนึ่งในหลักการของการบริหารจัดการโลจิสติกส์คือความรวดเร็วและความปลอดภัยของสินค้าที่ส่งถึงปลายทาง โดยที่ยังช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจสร้างผลกำไรตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ พาเลทพลาสติกเป็นหนึ่งกลไกที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์ปรับตัวให้ทันกับการแข่งขัน สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งและตอบโจทย์ความรวดเร็วตามที่ลูกค้าต้องการได้ Jenstore by Jenbunjerd จำหน่ายพาเลทพลาสติกแบบหน้าเดียว มีความแข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้ง่าย ด้วยวัสดุคุณภาพที่เหมาะในการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม ยินดีให้คำแนะนำในการเลือกใช้งานพร้อมบริการหลังการขายจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
นวัตกรรมเครื่องมืออุตสาหกรรมที่ช่วยลดโลกร้อน

นวัตกรรมเครื่องมืออุตสาหกรรมที่ช่วยลดโลกร้อน นวัตกรรมรถยกไฟฟ้า, ลังพลาสติก, ถังขยะ เพิ่มประสิทธิภาพและช่วยลดมลพิษ วิกฤตของภาวะโลกร้อนส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงซึ่งมีผลกระทบทั้งต่อการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจ ในภาคของอุตสาหกรรมก็ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจึงพยายามหาสาเหตุเพื่อแก้ปัญหาและลดความรุนแรงเพื่อให้วิกฤตนี้หายไป ก๊าซเรือนกระจกเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนที่มีต้นตอจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม หลายอุตสาหกรรมจึงค้นหาวิธีและเลือกใช้อุปกรณ์รวมไปถึงเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดภาวะโลกร้อนแต่ก็ยังสามารถดำเนินกิจกรรมในกระบวนการต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การเลือกใช้พาเลทพลาสติกแทนพาเลทไม้จะช่วยให้การตัดต้นไม้น้อยลงซึ่งต้นไม้ถือได้ว่าเป็นแหล่งออกซิเจนของโลก และพาเลทพลาสติกยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ การเลือกใช้เครื่องมือที่ลดการเผาไหม้โดยใช้ระบบไฟฟ้าหรือแมนนวลมากขึ้น เช่น รถยกไฟฟ้า, รถลากพาเลท, รถลากจูงไฟฟ้า จะช่วยลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากเครื่องยนต์ทำให้ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกได้ หรือการคัดแยกขยะทิ้งโดยทิ้งขยะลงในถังขยะให้ถูกประเภทจะช่วยให้ขยะถูกกำจัดได้อย่างถูกต้องและไม่ถูกหมักหมมจึงช่วยไม่ให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากการเลือกใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว อุปกรณ์และเครื่องมือเหล่านี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการเพิ่มศักยภาพการใช้งานและลดการก่อมลพิษเพื่อช่วยให้โลกกลับมาสู่จุดที่สมดุลอีกครั้ง 3 นวัตกรรมเครื่องมืออุตสาหกรรม ช่วยเราช่วยโลก นวัตกรรมพลังงานสะอาด พลังงานสะอาด เป็นพลังงานที่ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยที่สุดในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน นอกจากเครื่องจักรที่ทำให้เกิดการเผาไหม้แล้วยังมีเครื่องมือในการยก-ย้ายที่สามารถก่อให้เกิดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงได้ จึงมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อค้นหาพลังงานทดแทนและได้ค้นพบกับพลังงานไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ในการกักเก็บพลังงาน ซึ่งพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาดที่สามารถใช้แทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ เช่น รถยกไฟฟ้าและรถลากจูงไฟฟ้าที่ช่วยลดการก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและยังดีต่อสุขภาพของพนักงานที่ไม่ต้องสูดเขม่าควันจากการเผาไหม้ ซึ่งรถยกไฟฟ้าและรถลากจูงไฟฟ้าถึงแม้จะมีหน้าที่ในการยก-ย้ายเหมือนกันแต่รูปแบบในการใช้งานมีความแตกต่างกัน โดยรถยกไฟฟ้าจะใช้ในการยก-ย้ายสินค้าที่สามารถยกสินค้าเพื่อจัดเรียงหรือจัดเก็บสินค้าบนที่สูงได้ เช่น ชั้นวางสินค้า, รถขนส่งสินค้า หรือการเรียงซ้อนกันของสินค้าในแนวดิ่ง ส่วนรถลากจูงไฟฟ้าใช้ลากสินค้าที่มีจำนวนหรือน้ำหนักที่มากที่วางบนพาเลททำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมรถยกไฟฟ้าและรถลากจูงไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพแต่ไร้มลพิษนวัตกรรมรถยกไฟฟ้าและรถลากจูงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดโดยเฉพาะขุมพลังงานอย่างแบตเตอรี่ จึงทำให้รถยกไฟฟ้าและรถลากจูงไฟฟ้าในยุคปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการยก-ย้ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีพลังงานที่สูงในการยกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ๆ มีความคล่องตัวและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายโดยเฉพาะในพื้นที่แคบ ๆ เนื่องจากแบตเตอรี่มีขนาดเล็กจึงทำให้รถยกไฟฟ้าและรถลากจูงไฟฟ้ามีขนาดที่เล็กลงมาด้วย นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มรอบในการทำงานช่วยเพิ่มมูลค่าของธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจึงมีผลดีต่อโลกเป็นอย่างมาก นวัตกรรมพลาสติก เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้ามักจะผลิตจากพลาสติก เช่น กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก และพาเลทพลาสติก อุปกรณ์ที่กล่าวมามีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้าป้องกันสินค้าไม่ให้เกิดความเสียหาย และง่ายในการหยิบใช้งาน พาเลทพลาสติกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรองรับสินค้าเพื่อเคลื่อนย้ายหรือขนส่งสินค้าซึ่งสามารถช่วยให้เคลื่อนย้ายสินค้าที่มีจำนวนและน้ำหนักที่มากได้พร้อม ๆ กันโดยที่ไม่เกิดความเสียหาย อุปกรณ์ที่ผลิตจากพลาสติกอย่าง กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก และพาเลทพลาสติก จะมีคุณสมบัติที่ความแข็งแรง มีความทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง ความชื้น กันน้ำ กันฝุ่นและแมลงได้ดีซึ่งทั้งหมดเป็นคุณสมบัติที่ดีของพลาสติก แต่พลาสติกใช้เวลาในการย่อยสลายนานจึงทำให้เกิดขยะพลาสติกเป็นจำนวนมากหากไม่มีการคัดแยกและกำจัดให้ถูกต้อง นวัตกรรมเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง ช่วยลดขยะล้นโลก ปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพของเม็ดพลาสติกจนได้เม็ดพลาสติกคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติที่แข็งแรง เหนียวแน่น ทนต่อแรงกด และการตกกระแทก ด้วยคุณสมบัติที่ดีของเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงการผลิตพลาสติกต่อครั้งจึงใช้จำนวนเม็ดพลาสติกในการผลิตที่น้อยลงแต่ได้ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าเดิม นอกจากนั้นการใช้จำนวนเม็ดพลาสติกที่น้อยในการผลิตยังช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตซึ่งหมายถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศให้น้อยลงเช่นเดียวกัน นอกจากนี้กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก และพาเลทพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงยังมีข้อดีคือมีน้ำหนักที่เบาจึงช่วยประหยัดเชื้อเพลิงในการขนส่งช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจ ไม่มีกลิ่นฉุนซึ่งดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะสามารถนำมารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ได้โดยที่คุณสมบัติยังคงเดิมเหมือนเม็ดพลาสติกใหม่ ทำให้สามารถลดปริมาณของขยะพลาสติกได้เป็นจำนวนมาก นวัตกรรมถังขยะ ถังขยะเป็นภาชนะที่สำคัญในการคัดแยกขยะเพื่อให้สามารถนำขยะมากำจัดได้อย่างถูกวิธีและเพื่อลดปริมาณขยะให้น้อยลง ซึ่งในปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับขยะล้นโลกที่ต้องหาวิธีกำจัดอย่างเหมาะสมและก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ถังขยะที่ใช้ในการคัดแยกขยะมีด้วยกัน 4 ประเภทหลัก ๆ คือ ขยะเปียกสีเขียว, ขยะรีไซเคิลสีเหลือง, ขยะอันตรายสีแดง และขยะทั่วไปสีน้ำเงิน บางสถานที่อาจมีการแบ่งแยกประเภทของถังขยะมากกว่า 4 ประเภทก็ได้เพื่อให้สามารถกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ถังขยะพลาสติก, ถังขยะกระดาษ, ถังขยะถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่ ปัจจุบันถึงแม้จะมีการรณรงค์ให้คัดขยะแต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีการคัดแยกขยะส่งผลให้ขยะแต่ละประเภทไม่ได้ถูกกำจัดอย่างถูกวิธี เกิดการหมักหมมและก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการพัฒนาถังขยะเพื่อช่วยให้การทิ้งขยะเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมถังขยะอัจฉริยะในประเทศไทย นวัตกรรมถังขยะอัจฉริยะในประเทศไทยที่มีการพัฒนาและได้มีการนำมาใช้งานแล้วคือการเปิด-ปิดฝาถังขยะแบบอัตโนมัติโดยใช้ระบบเซ็นเซอร์ในการจับระยะเพื่อเปิด-ปิดฝาถังขยะ ช่วยให้ทิ้งขยะได้โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับถังขยะเป็นการกระตุ้นให้มีความต้องการทิ้งขยะมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่มีความกังวลความสกปรกที่มักมีบนถังขยะ นอกจากนั้นยังมีถังขยะอัจฉริยะที่อยู่ในขั้นตอนของการทดลองใช้ที่มีเซ็นเซอร์ในการเปิด-ปิดถังขยะเช่นเดียวกัน แต่จะมีความพิเศษคือสามารถบอกสถานะของถังขยะได้ โดยจะมีสัญญาณของไฟคอยแจ้งเตือนว่าสถานะของถังขยะว่าเต็มหรือไม่เต็ม โดยหากไฟกระพริบสีแดงสลับน้ำเงินหมายถึงถังขยะยังไม่เต็ม แต่ถ้าหากมีไฟสีแดงค้างหมายถึงถังขยะเต็มเพื่อลดการหมักหมมของขยะซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ นวัตกรรมถังขยะอัจฉริยะในต่างประเทศ ในต่างประเทศอย่างประเทศออสเตรเลียก็มีการประดิษฐ์ถังขยะอัจฉริยะซึ่งยังเป็นตัวต้นแบบ โดยถังขยะอัจฉริยะสามารถคัดแยกขยะเองได้เพียงแค่หย่อนขยะลงในถัง โดยใช้น้ำหนักของขยะและระบบเซ็นเซอร์โดยควบคุมด้วย AI ในการแยกประเภทของขยะที่สามารถแยกย่อยได้ถึงประเภทของพลาสติกซึ่งพลาสติกแต่ละชนิดมีวิธีการกำจัดที่แตกต่างกัน และยังมีการใช้ internet of things (loT) ในการประมวลข้อมูลจากเซ็นเซอร์และส่งข้อมูลไปเก็บไว้ที่คลาวด์ เพื่อให้ผู้ที่ใช้งานสามารถติดตามพฤติกรรมการทิ้งขยะได้ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในภาพรวมและในบริษัทหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่จะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงในการจัดการขยะและกำจัดขยะได้อย่างถูกต้อง นวัตกรรมเครื่องมืออุตสาหกรรมอย่างรถยกไฟฟ้า, รถลากจูงไฟฟ้า, กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก, พาเลทพลาสติก และถังขยะ ช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรมลดการสร้างมลพิษโดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาสภาพแวดล้อมแล้วยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเครื่องมือและอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกด้วย Jenstore by Jenbunjerd ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น รถยกไฟฟ้า, รถลากพาเลท, รถลากจูงไฟฟ้า, รถเข็น, โต๊ะยกปรับระดับ, กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก, ถังพลาสติก, พาเลทพลาสติก, ถังขยะ ฯลฯ ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ ที่จะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมบริการให้คำแนะนำและบริการหลังการขายจากทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพให้ท่านมั่นใจในสินค้ารวมถึงบริการของทาง Jenstore สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
เครื่องมือช่างที่ต้องมีติดบ้านและวิธีการดูแลรักษา

เครื่องมือช่างที่ต้องมีติดบ้านและวิธีการดูแลรักษา เครื่องมือช่างอุปกรณ์ที่ช่วยให้งานช่างมีประสิทธิภาพในการซ่อมแซม การซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ภายในบ้านเป็นปัญหาที่พ่อบ้านหลายคนต้องพบเจอ หลายบ้านจึงต้องมีเครื่องมือช่างเป็นไอเทมประจำบ้านที่ช่วยให้งานซ่อมแซมเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากเครื่องมือช่างได้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด เป็นเครื่องมือที่ช่วยผ่อนแรงในการทำงาน มีความสะดวก รวดเร็ว และช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเครื่องมือขั้นพื้นฐานให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เครื่องมือช่างส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องวัด ตัด ตอก ทุบ ไข จึงทำให้เครื่องมือช่างมีหลายชนิดเพื่อให้สามารถครอบคลุมในการใช้งาน เครื่องมือช่างชนิดไหนเป็นไอเทมที่ต้องมีติดบ้าน ค้อน เป็นเครื่องมือช่างประเภทงานตอกหรือทุบ มีส่วนประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ ด้ามจับและหัวค้อน ด้ามจับทำจากไม้, เหล็ก, ไฟเบอร์กลาส และ TPR และหัวค้อนทำมาจากโลหะประเภทเหล็ก โดยหน้าค้อนจะเรียบใช้สำหรับตอกตะปู ส่วนหางจะมีลักษณะเป็นรูปตัววีใช้สำหรับดึงหรือถอนตะปู ค้อนมีหลายชนิดซึ่งมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ชนิดของค้อนและลักษณะการใช้งาน 1.1 ค้อนหัวกลม ใช้ในงานโลหะและสามารถใช้ในการย้ำหมุดได้ 1.2 ค้อนช่างไฟฟ้าหรือค้อนเดินสายไฟ ค้อนชนิดนี้มีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับงานไฟฟ้า เช่น ใช้สำหรับงานตอกตะปูเดินสายไฟ 1.3 ค้อนไม้หรือค้อนพลาสติก ให้สำหรับทุบหรือตอกในงานเบา ๆ เช่น สังกะสี อลูมิเนียม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบุบหรือเกิดรอยขีดข่วน 1.4 ค้อนหงอน เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับทุบหรือตอกและเหมาะกับการถอนตะปูในงานไม้ 1.5 ค้อนยาง หัวค้อนผลิตจากยางพารามีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและนิ่มไม่ก่อให้เกิดความเสียหายในผิวของวัสดุ ใช้สำหรับเคาะขึ้นรูปชิ้นงานที่มีเนื้ออ่อนหรือโลหะแผ่นเคลือบชนิดบาง นิยมใช้กับงานที่ต้องการความประณีต ไม่ยุบ หรือบุบ เช่น งานปูกระเบื้อง วิธีการดูแลและเก็บรักษา เมื่อใช้งานเสร็จแล้วควรต้องเก็บเข้าที่ในตู้เก็บเครื่องมือช่างหรือกล่องอะไหล่ช่างเพราะอาจเกิดอันตรายได้ ควรมีการตรวจสอบว่าด้ามค้อนและหัวค้อนต้องสวมแน่นตลอดเวลาและควรตรวจเช็กก่อนใช้งานทุกครั้ง ไม่ควรทาน้ำมันหรือปล่อยให้มีน้ำมันบนด้ามค้อนเพราะอาจทำให้หลุดมือขณะใช้งาน หลังการใช้งานควรทำความสะอาดเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ไขควง เป็นเครื่องมือช่างประเภทงานขันและคลายนอตหรือสกรู ลักษณะของไขควงจะมีด้ามที่ทำจากพลาสติก, ไม้, โลหะ จะมีก้านโลหะอยู่แกนกลางด้ามจับซึ่งจะใช้สำหรับส่งแรงบิด และปลายของก้านโลหะจะมีลักษณะที่แตกต่างออกไป เช่น ปลายแฉก, ปลายแบน มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งปลายของก้านโลหะจะใช้สอดเข้าไปที่ร่องของนอตหรือสกรูเพื่อคลายและขันออกจากเหล็กหรือไม้ ชนิดของไขควงและลักษณะการใช้งาน 2.1 ไขควงปากแบน ใช้ขันและคลายนอตหรือสกรูที่มีร่องผ่าที่เส้นผ่านศูนย์กลางของหัว 2.2 ไขควงแฉก ใช้ขันและคลายนอตหรือสกรูที่มีหัวเป็นกากบาทนิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 2.3 ไขควงออฟเซต ไขควงมีลักษณะเป็นแท่งโลหะปากไขควงดัดโค้งและหันปากไปในตำแหน่งตามกันหรือเยื้องกันก็ได้ เหมาะใช้ขันตามซอกตามมุมต่าง ๆ ที่ไขควงธรรมดาเข้าไปขันไม่ได้ 2.4 ไขควงปากบล็อก เป็นไขควงขันสกรูหกเหลี่ยม ไขควงชนิดนี้มีลักษณะปากที่เป็นบล็อกหกเหลี่ยม ใช้สำหรับสกรูที่มีร่องเป็นหกเหลี่ยม 2.5 ไขควงหกแฉก หรือไขควงแฉกดาว นิยมใช้ในงานเกี่ยวกับด้านยานยนต์หกแฉก งานเกี่ยว กับการซ่อมโทรศัพท์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน วิธีการดูแลและเก็บรักษา ใช้ไขควงให้เหมาะสมกับลักษณะของงานและร่องของนอตหรือสกรู หลังใช้งานควรเช็ดทำความสะอาด แล้วเก็บใส่กล่องเครื่องมือช่างเพื่อช่วยให้ไขควงมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ประแจ เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับยึด ขัน หรือคลายสกรู นอต สลักเกลียวเหมือนไขควง แต่มีลักษณะที่แตกต่างจากไขควง ประแจมีลักษณะเป็นด้ามยาวส่วนหัวมีรูปทรงพอดีกับอุปกรณ์เพื่อใช้ล็อก ขัน หรือคลายอุปกรณ์ ประแจผลิตจากเหล็กกล้าจึงมีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กทั่วไปมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันเพื่อรองรับกับขนาดของนอตและสกรู ชนิดของประแจและลักษณะการใช้งาน 3.1 ประแจปากตาย ปลายทั้งสองด้านจะเป็นรูปตัวยูซึ่งขนาดของช่องว่างไม่เท่ากัน ใช้ในการขันหรือคลายนอตแต่อย่าขันแน่นมากเกินไปเพราะจะทำให้สลักเกลียวเสียหายได้ 3.2 ประแจแหวน ปลายทั้งสองด้านมีลักษณะเป็นวงแหวนใช้ครอบขันและคลาย ภายในรอบวงแหวนจะมีลักษณะเป็นแฉกทั้งหมด 12 แฉกสามารถขันและคลายในพื้นที่แคบ ๆ ได้ดีกว่าประแจชนิดอื่น ๆ 3.3 ประแจบล็อก ลักษณะคล้ายกับประแจแหวนแต่สามารถเปลี่ยนหัวได้ มีรูปร่าง ขนาด และความยาวที่แตกต่างกัน สามารถงอหัวได้ถึง 90 องศา นิยมใช้ในงานถอดประกอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 3.4 ประแจเลื่อนหรือประแจวงเดือน สามารถปรับความกว้างของปากประแจได้และมีหลายขนาด ปากข้างหนึ่งตายแต่ปากอีกข้างหนึ่งสามารถปรับขนาดได้ เป็นอุปกรณ์ที่นิยมมีไว้ติดบ้านเพราะสามารถทำงานช่างได้หลายประเภท เช่นงานประปาหรือก๊อกน้ำ วิธีการดูแลและเก็บรักษา ควรใช้ประแจให้ถูกต้องกับลักษณะงานและหลีกเลี่ยงการใช้ประแจที่มีขนาดใหญ่กว่าสกรูหรือนอต เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องมือและความปลอดภัยของผู้ที่ใช้งาน หลังการใช้งานควรทำความสะอาดและเก็บไว้ในกล่องเครื่องมือช่างทุกครั้ง ตลับเมตร เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับวัดหาระยะของวัสดุหรือชิ้นงาน เช่น ความกว้าง ความยาว ความหนา ตลับเมตรมีความสะดวกในการพกพาเพราะสายวัดสามารถถูกเก็บอยู่ในตลับอย่างมิดชิด มีขนาดเล็ก ส่วนหัวของสายวัดจะมีตะขอเกี่ยวโดยใช้เป็นที่เกาะยึดกับขอบของชิ้นงานที่ต้องการวัดและเพื่อความสะดวกในการดึงสายวัดออกมาจากตลับเมตร ตลับเมตรสามารถใช้วัดได้ทั้งเป็นนิ้วและเซนติเมตร ในตลับเมตรที่เป็นโลหะจะมีสปริงอยู่ภายในเพื่อให้สายวัดถูกเก็บและดึงออกมาใช้งานได้อย่างสะดวก ความยาวของสายวัดมีขนาดตั้งแต่ 100 เซนติเมตรขึ้นไป วิธีการดูแลและเก็บรักษา การจัดเก็บสายวัดห้ามปล่อยสายวัดแรง ๆ เพื่อเก็บเข้าไปในตลับเพราะจะทำให้ตะขอสายวัดหลุดและสปริงด้านในอาจชำรุดได้ ห้ามใช้ตลับเมตรวัดแทนไม้บรรทัดเพราะอาจเกิดคลาดเคลื่อนได้และเป็นอันตรายต่อผู้ที่ใช้งาน ควรเช็ดและทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้งานและควรเก็บในตู้เก็บเครื่องมือช่าง เพื่อรักษาคุณภาพของตลับเมตรและความสะดวกในการหยิบใช้งาน เลื่อย เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้ในการตัดชิ้นงานให้แยกออกจากกันหรือตัดแยกเป็นชิ้น ๆ เช่น ไม้หรือเหล็ก ซึ่งเลื่อยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามวัสดุที่ใช้ในการตัด ประเภทของเลื่อยและลักษณะการใช้งาน 5.1 เลื่อยตัดเหล็ก ลักษณะของเลื่อยคล้ายกับเลื่อยฉลุ แต่คันเลื่อยไม่โค้ง ใบเลื่อยเป็นแถบยาว ฟันของใบเลื่อยจะมีความห่าง ปลายทั้งสองข้างติดกับคันเลื่อย ความยาวตามมาตรฐาน 12 นิ้ว สามารถถอดเปลี่ยนใบเลื่อยได้ นอกจากใช้ในการตัดเหล็กแล้วยังตัดท่อ PVC ได้ด้วยเช่นกัน 5.2 เลื่อยตัดไม้ ความโดดเด่นของเลื่อยชนิดนี้คือฟันของใบเลื่อยจะมีความถี่มากกว่าเลื่อยตัดเหล็ก ในหนึ่งนิ้วจะมีใบเลื่อยประมาณ 8-12 ซี่ การตัดของเลื่อยตัดไม้จะเลื่อยตามความยาวและตามแนวขวางของเสี้ยนไม้ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิด5.1.1 เลื่อยลัดดา มีอยู่ 2 ชนิด คือเลื่อยโกรกและเลื่อยตัด เลื่อยโกรกจะมีฟัน 6 ฟันต่อนิ้ว ตัดตามความยาวของเสี้ยนไม้ ส่วนเลื่อยตัดมีจำนวนฟัน 8-12 ซี่ต่อนิ้วใช้ตัดตามขวางของเสี้ยนไม้การตัดทั้งสองแบบเพื่อต้องการให้เกิดรอยตัดที่เรียบที่สุด 5.1.2 เลื่อยฉลุ มีโครงเป็นเหล็ก เป็นเครื่องมือที่ใช้เลื่อยส่วนโค้งต่าง ๆ ของไม้ให้เป็นลวดลายวงกลม 5.1.3 เลื่อนคันธนู มีลักษณะคล้ายคันธนู เหมาะสำหรับใช้ตัดกิ่งไม้ ทั้งกิ่งไม้สดและกิ่งไม้แห้ง หรือตัดต้นไม้เป็นท่อน ๆ เพื่อการเคลื่อนย้ายสำหรับงานก่อสร้าง มีให้เลือกใช้หลายขนาด ตั้งแต่ 12 นิ้ว , 21 นิ้ว , 24 นิ้ว และ 30 นิ้ว 5.1.4 เลื่อยโค้งตัดกิ่งไม้ เลื่อยโค้งตัดกิ่งไม้ ใช้ตัดแต่งกิ่งไม้ ตัดก่อไผ่ ฯลฯ มีลักษณะที่โดดเด่นคือ มีความโค้งของคมเลื่อยและฟันเลื่อย จึงทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว วิธีดูแลและเก็บรักษา หลีกเลี่ยงไม่ให้เลื่อยถูกน้ำหรือความชื้นเพราะจะทำให้เกิดสนิมได้ ควรจัดเก็บในกล่องเครื่องมือช่างหรือตู้เก็บเครื่องมือช่าง หลังจากใช้งานเลื่อยเสร็จควรถอดใบเลื่อยแยกจากด้ามจับและจัดเก็บแบบแยกและควรทำความสะอาด ทาน้ำมัน และตะไบตกแต่งเลื่อยให้คมอยู่เสมอ หากพบว่าชำรุดควรซ่อมแซมทันทีไม่ควรนำมาใช้งาน เครื่องมือช่างเป็นเครื่องมือที่ควรผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพและควรได้มาตรฐานเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด Jenstore by Jenbunjerd เป็นศูนย์รวมในการจัดจำหน่ายเครื่องมือช่าง จากแบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพ มีความทนทาน ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกเป็นการรันตีถึงคุณภาพและรับรองได้ว่าเป็นเครื่องมือช่างของแท้ 100% นอกจากนี้ยังมีสินค้าเครื่องมือช่างให้เลือกมากกว่า 1,000 รายการ ท่านสามารถเลือกสินค้าได้ตรงใจง่าย ครบ จบ ในที่เดียวพร้อมทั้งมีบริการหลังการขายที่จะช่วยให้การใช้งานของท่านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
มาตรฐานความปลอดภัยในอุปกรณ์เซฟตี้ที่ควรมี

มาตรฐานความปลอดภัยในอุปกรณ์เซฟตี้ที่ควรมี มาตรฐานของหมวกนิรภัย, รองเท้าเซฟตี้ ช่วยให้ห่างไกลจากอันตราย อุปกรณ์เซฟตี้หรืออุปกรณ์ความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) เป็นอุปกรณ์ที่ป้องกันอันตรายหรือลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำงานไม่ว่าจะเป็นสิ่งของตกหล่น, การสัมผัสความเย็นและความร้อน, สารเคมี, กระแสไฟฟ้า, การเจาะทะลุ, การลื่น ซึ่งเป็นอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบจึงทำให้อุปกรณ์เซฟตี้มีหลายชนิดเพื่อให้สามารถป้องกันอันตรายทุกส่วนของร่างกายได้ เช่น หมวกนิรภัยป้องกันศีรษะจากการกระแทก รองเท้าเซฟตี้ป้องกันเท้าจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย เช่น น้ำเจิ่งนอง, มีสารเคมี หรือมีกระแสไฟฟ้า, การเจาะจากของแหลม ด้วยอุปกรณ์เซฟตี้ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่ออันตรายจึงต้องมีมาตรฐานเพื่อคอยควบคุมดูแลให้เป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้เพราะหากไม่มีมาตรฐานอาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้ที่สวมใส่ได้ มาตรฐานอุปกรณ์เซฟตี้ที่ใช้ในประเทศไทยมีทั้งหมด 9 มาตรฐาน มาตรฐานทั้ง 9 เป็นมาตรฐานที่มีการก่อตั้งทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่มีการกำหนดมาตรการความปลอดภัยที่มีจุดประสงค์ และวิธีการที่เหมือนและมีความแตกต่างกันแต่มีความสอดคล้องกับกฎหมายไทย โดยมาตรฐานความปลอดภัยทั้ง 9 มีดังนี้ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมีสัญลักษณ์คือ มอก.หรือ TIS มาตรฐานสถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (The national Institute for Occupational Safety and Health) สัญลักษณ์คือ NIOSH มาตรฐานขององค์การมาตรฐานสากล (International Standardization and Organization) สัญลักษณ์คือ ISO มาตรฐานสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Fire Protection Association) สัญลักษณ์คือ NFPA มาตรฐานสถาบันมาตรฐานแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (American National Standards Institute) สัญลักษณ์คือ ANSI มาตรฐานสหภาพยุโรป (European Standards)มีสัญลักษณ์คือ EN หรือ CE มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น (Japanese Industrial Standards) สัญลักษณ์คือ JIS มาตรฐานประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ (Australia Standards/New Zealand Standards) สัญลักษณ์คือ AS/NZS มาตรฐานสำนักงานบริหารความปลอดภัย และอาชีวอนามัยแห่งชาติ กรมแรงงาน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Occupational Safety and Health Administration) สัญลักษณ์คือ OSHA มาตรฐานของหมวกนิรภัย, รองเท้าเซฟตี้ สัญลักษณ์ความปลอดภัยของอุตสาหกรรม มาตรฐานหมวกนิรภัย หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันศีรษะจากการโดนของแข็งกระแทก การเจาะ และกระแสไฟฟ้า ซึ่งหมวกนิรภัยผลิตจากพลาสติกแข็ง โลหะ หรือไฟเบอร์กลาส จะมีสายรัดศีรษะและคางที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับขนาดของศีรษะได้เพื่อให้แน่นหนาสำหรับการป้องกัน นอกจากนั้นหมวกนิรภัยยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติมได้ เช่น กระบังหน้า, ที่ปิดหู เพื่อครอบคลุมความปลอดภัยในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมาตรฐานของหมวกนิรภัยมีทั้งหมด 5 มาตรฐานด้วยกันคือ Osha Standard, ANSI/Isea Z89.1 standard, En Standard, CSA Z94.1 Standard และ มาตรฐาน มอก. ขอยกตัวอย่างรายละเอียดของ มาตรฐานหมวกนิรภัยของ ANSI โดยมีรายละเอียดดังนี้หมวกนิรภัยตามมาตรฐาน ANSI Standard Z89.1-2003 มาตรฐาน ANSI Standard Z89.1-2003 มีการกำหนดประเภทของหมวกนิรภัยและระดับของหมวกนิรภัยเพื่อให้สามารถทำการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับประเภทของงาน โดยการทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบขั้นพื้นฐานที่ใช้ทดสอบความแข็งแรงและทนทานในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายร้ายแรงแต่ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ ประเภทของหมวกนิรภัย ตามมาตรฐาน ANSI Z89.1-2003 ได้แบ่งหมวกนิรภัยตามลักษณะของการป้องกันซึ่งมี 2 รูปแบบคือ ป้องกันกระแทกและป้องกันไฟฟ้า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ หมวกนิรภัยประเภทที่ 1 ที่ลดการกันกระแทกจากด้านบนแต่ไม่สามารถกันการกระแทกจากด้านข้าง หมวกนิรภัยประเภทที่ 2 ที่ลดการกันกระแทกทั้งด้านบนและด้านข้าง หมวกนิรภัย ประเภท E ย่อมาจาก Electrical หมวกนิรภัยประเภทนี้ป้องกันไฟฟ้าได้ดี โดยจะต้องผ่านการทดสอบการป้องกันไฟฟ้าที่ 20,000 โวลต์ หมวกนิรภัย ประเภท G ย่อมาจาก General หมวกนิรภัยประเภทนี้จะต้องผ่านการทดสอบการป้องกันไฟฟ้าที่ 2,200 โวลต์ หมวกนิรภัยประเภทที่ C ย่อมาจาก Conductive หมวกนิรภัยประเภทนี้ไม่สามารถป้องกันไฟฟ้า และไม่มีการทดสอบการป้องกันไฟฟ้า การทดสอบประสิทธิภาพหมวกนิรภัยของมาตรฐาน ANSI Z89.2003 การป้องกันการกระแทก ใช้ทดสอบหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2 ซึ่งจะมีการสวมใส่จริงและทดสอบหมวกนิรภัยในสภาพอากาศเย็น 12 ประเภทและสภาพอากาศร้อน 12 ประเภท เพื่อทดสอบการกระแทกของหมวกนิรภัยในสภาพอากาศที่แตกต่างกันที่ความเร็ว ณ จุดกระทบ 5.5 เมตร/วินาที โดยวัตถุที่ใช้ในการทดสอบที่ตกกระทบควรมีน้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม ซึ่งค่าการทดสอบและค่าเฉลี่ยจากการทดสอบทั้ง 24 สภาพอากาศจะต้องมีการบันทึก และความเร็วการตกกระทบของวัตถุค่าเฉลี่ยของแรงที่ส่งผ่านหมวกนิรภัยไม่ควรเกิน 3,780 นิวตัน การเจาะทะลุ ใช้ทดสอบหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2 โดยการทดสอบจะมีการสวมใส่จริงและวัตถุที่ใช้ในการทดสอบการเจาะจะต้องมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยการพุ่งมาของวัตถุต้องพุ่งมาในบริเวณเส้นรอบวงรัศมีไม่เกิน 75 mm (3.0 นิ้ว) จากกึ่งกลางของหมวกนิรภัยและความเร็วที่เกิดจากการตกจากที่สูงจะต้องมีความเร็ว ณ จุดกระทบ 7 เมตร/วินาที ซึ่งหมวกนิรภัยที่มีประสิทธิภาพวัตถุที่มาเจาะไม่ควรติดกับเนื้อของหมวกนิรภัย การป้องกันไฟ ใช้ทดสอบหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2 โดยมีการสวมใส่จริงและพ่นไฟที่หมวกนิรภัยเป็นเวลา 5 วินาทีที่อุณหภูมิ 800-900 องศาเซลเซียส ซึ่งหลังการทดสอบบริเวณด้านนอกของหมวกนิรภัยไม่ควรมีร่องรอยของการไหม้ การป้องกันไฟฟ้า ใช้ทดสอบทั้งหมวกนิรภัยประเภทที่ 1, ประเภท 2, ประเภท E และ G โดยจะมีการทดสอบการป้องกันการกระแทกก่อนแล้วจึงจะทดสอบการป้องกันการรั่วของไฟฟ้าโดยประเภท E ทดสอบกับไฟฟ้าที่ 20,000 โวลต์ เป็นเวลา 3 นาทีที่ 9 มิลลิแอมป์และทดสอบการป้องกันการไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้าที่ 30,000 โวลต์ หากมีประสิทธิภาพจะต้องไม่มีการรั่วและการเกิดรอยไหม้ หมวกนิรภัยป้องกันไฟฟ้าประเภท G จะต้องผ่านการทดสอบกับไฟฟ้าที่ 2,200 โวลต์ เป็นเวลา 1 นาทีที่ 3 มิลลิแอมป์ นอกจากนี้ยังมีการทดสอบประสิทธิภาพของหมวกนิรภัยอีก 3 การทดสอบ คือ การดูดซับพลังงานการกระแทก, การเจาะทะลุนอกเหนือจากศูนย์กลางหมวก และการคืนตัวของรองในหมวก ซึ่งใช้ทดสอบกับหมวกนิรภัยประเภทที่ 2 เท่านั้น และหมวกนิรภัยที่ผ่านการตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยจะต้องระบุเครื่องหมายมาตรฐาน ANSI, ชื่อ, สัญลักษณ์ของผู้ผลิต, วันที่ผลิต และขนาดบนหมวกนิรภัยตามมาตรฐานที่กำหนด มาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ รองเท้าเซฟตี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันความปลอดภัยบริเวณเท้าจากการตกหล่น การเตะ การสะดุด ลื่นไถล หรือการเจาะจากสิ่งของหรือปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง รองเท้านิรภัยมีทั้งแบบที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไปและใช้ในงานเฉพาะด้าน เช่น งานที่เกี่ยวกับกระแสไฟฟ้า มาตรฐานของรองเท้าเซฟตี้ต้องผ่านการทดสอบตามคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนี้ถึงจะผ่านมาตรฐานขั้นพื้นฐานได้ โดยมีการทดสอบดังนี้ 1. มีการป้องกันเท้าจากการกระแทก 2. การป้องกันเท้าจากการเจาะทะลุ 3. การป้องกันเท้าจากแรงกดทับ โดยอ้างอิงมาตรฐานการทดสอบตามมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ในแต่ละประเทศ มีกฎหมายและกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไป จึงส่งผลให้รองเท้าเซฟตี้ที่ผลิตแต่ละประเทศมีความแตกต่างด้านคุณสมบัติที่เพิ่มเติม ซึ่งมาตรฐานของรองเท้าเซฟตี้มีทั้งหมด 4 มาตรฐานด้วยกันคือ EN หรือ EN ISO, JIS, ASTM และ มาตรฐาน มอก. ขอยกตัวอย่างรายละเอียดของมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ตามมาตรฐานยุโรป EN ISO โดยมีรายละเอียดดังนี้ รองเท้าเซฟตี้มาตรฐาน EN ISO 20345: 2011 เป็นมาตรฐานที่ใช้ในสหภาพยุโรปมีการทดสอบอย่างเข้มงวดและมีข้อกำหนดคุณสมบัติที่แบ่งตามประเภทของรองเท้าเซฟตี้ โดยมีคุณสมบัติมาตรฐานพื้นฐานดังนี้ หัวของรองเท้าเซฟตี้ที่เป็นหัวเหล็ก ต้องสามารถต้านการกระแทกได้ 200 จูล วัสดุเสริมพื้นรองเท้า แผ่นรองพื้นระหว่างชั้นนอกและชั้นในสามารถทนแรงทะลุได้ 1,100 นิวตัน พื้นรองเท้าชั้นนอกต้องมีคุณสมบัติทนทานต่อน้ำมันและสารเคมี พื้นรองเท้าชั้นนอกต้องมีคุณสมบัติทนทานต่อความร้อนได้ 160 °C, 360 °C พื้นรองเท้าชั้นนอกต้องมีคุณสมบัติในการกันลื่น รองเท้าเซฟตี้ที่ใช้กับงานไฟฟ้าต้องป้องกันไฟฟ้าสถิตได้ รองเท้าเซฟตี้ที่ทำจากหนัง หนังรองเท้าต้องสามารถระบายอากาศได้ นอกจากนี้รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กมาตรฐานยุโรป EN ISO 20345 ที่สามารถต้านทานแรงกระแทก 200 จูล เป็นระดับการป้องกันที่สูงสุด มีการแบ่งประเภทแยกย่อยเป็น Class I และ Class II ซึ่งในแต่ละ Class จะมีสัญลักษณ์และคุณสมบัติเพิ่มเติมดังนี้ ประเภท Class I เป็นรองเท้าเซฟตี้ที่ทำจากหนังและวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ยางธรรมชาติหรือพอลิเมอร์สังเคราะห์ มีด้วยกัน 5 ชนิด 1.1 SB รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทกได้ 200 จูล 1.2 S1 รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน พื้นและบริเวณส้นสามารถต้านทานไฟฟ้าสถิตได้ ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทกได้ และหัวเหล็กป้องกันแรงกระแทกได้ 200 จูล 1.3 S1P รองเท้าเซฟตี้มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน พื้นและบริเวณส้นสามารถต้านทานไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก มีชั้นตรงกลางของพื้นต้านทานการแทงทะลุ หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทกได้ 200 จูล 1.4 S2 รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน พื้นและบริเวณส้นต้านทานไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก กันน้ำได้ และหัวเหล็กป้องกันแรงกระแทกได้ 200 จูล 1.5 S3 รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน พื้นและบริเวณส้นต้านทานไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทกได้ กันน้ำได้ มีชั้นตรงกลางของพื้นต้านทานการแทงทะลุ หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200 จูล พื้นรองเท้าด้านนอกแบบมีปุ่ม ประเภท Class II รองเท้าเซฟตี้ผลิตจากยางหรือพอลิเมอร์สังเคราะห์ มีด้วยกัน 3 ชนิด 2.1 SB รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทกได้ 200 จูล และกันน้ำได้ 2.2 S4 รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200 จูล ป้องกันไฟฟ้าสถิต และพื้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทกได้ 2.3 S5 รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200 จูล มีชั้นตรงกลางของพื้นรองเท้าต้านทานการเจาะทะลุ ป้องกันไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก กันน้ำ และพื้นรองเท้าด้านนอกแบบมีปุ่ม ทั้งนี้มาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ EN ISO 20345 มีข้อบังคับให้ผู้ผลิตเพิ่มตัวอักษรระบุวัตถุประสงค์การใช้งานหรือสภาพแวดล้อมในการใช้งานรองเท้าเซฟตี้เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้ถูกต้องและปลอดภัย เช่น สัญลักษณ์ SB, S1 และหากรองเท้าเซฟตี้มีคุณสมบัติพิเศษเพื่อรองรับการใช้งานที่เฉพาะมากยิ่งขึ้นจะมีสัญลักษณ์เพิ่มเติมด้านท้ายโดยมีสัญลักษณ์และความหมายดังนี้ P พื้นรองเท้าเสริมเหล็กป้องกันการเจาะทะลุ 1,100 นิวตัน C รองเท้าสามารถป้องกันไฟฟ้าสถิตแบบตัวนำได้ A รองเท้าสามารถป้องกันไฟฟ้าสถิตได้ HI รองเท้ามีฉนวนป้องกันความร้อน CI รองเท้ามีฉนวนป้องกันความเย็น E พื้นรองเท้าสามารถช่วยดูดซับแรงกระแทกส้นเท้าได้ 20 จูล WRU ส่วนบนของรองเท้าป้องกันน้ำซึมเข้ารองเท้าได้ HRO พื้นรองเท้าทนต่อความร้อน 300 องศาเซลเซียส นาน 1 นาที ORO พื้นรองเท้าป้องกันน้ำมันได้ การเลือกใช้อุปกรณ์เซฟตี้ที่มีมาตรฐานจะช่วยป้องกันอันตรายที่ไม่ร้ายแรงและช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ ทั้งนี้มาตรฐานอุปกรณ์เซฟตี้มีความแตกต่างกันตามกฎหมายหรือข้อบังคับของแต่ละประเทศที่ผลิต อุปกรณ์เซฟตี้อย่างหมวกนิรภัยและรองเท้าเซฟตี้เป็นอุปกรณ์ที่ในทุกอุตสาหกรรมจะต้องมีจัดเตรียมไว้สำหรับพนักงานเพื่อสร้างปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเป็นอุปกรณ์เซฟตี้ที่นิยมในการใช้งานเพราะใช้ป้องกันส่วนของร่างกายที่สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายและนำไปสู่อันตรายที่ร้ายแรงได้ Jenstore by Jenbunjerd ศูนย์รวมเครื่องมือและอุปกรณ์ความปลอดภัย หมวกนิรภัย, รองเท้าเซฟตี้, ชุดป้องกันสารเคมี, หน้ากากกันสารเคมี, แว่นตานิรภัย, เข็มขัดกันตกเซฟตี้, ถุงมือกันไฟฟ้า ฯลฯ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานจึงปลอดภัยในการใช้งาน พร้อมยินดีให้คำปรึกษาการเลือกใช้งานและรับจัดหาสินค้าให้ตรงตามความต้องการ นอกจากนั้นยังมีบริการหลังการขายและการรับประกันคุณภาพสินค้าอีกด้วย สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
มาทำความรู้จักสแตนเลส วัสดุที่มักนำมาใช้เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือโรงพยาบาล

มาทำความรู้จักสแตนเลส วัสดุที่มักนำมาใช้เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือโรงพยาบาล สแตนเลสเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในรถเข็นที่ใช้ในโรงพยาบาล อุปกรณ์ที่ใช้ในโรงพยาบาลควรต้องเป็นอุปกรณ์ที่มีความสะอาด ลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความปนเปื้อนเนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อไปยังผู้ป่วยหรือประชาชนทั่วไปได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานเป็นประจำทุกวัน เช่น รถเข็นโรงพยาบาลที่มีหน้าที่เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วยทั้งที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ให้สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ หรือรถเข็นทำแผลที่ต้องใช้จัดเก็บอุปกรณ์ในการทำแผลให้ผู้ป่วย หากอุปกรณ์อย่างรถเข็น กล่องเก็บอุปกรณ์ทำแผล มีความสกปรกหรือมีการปนเปื้อนอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลของผู้ป่วยผ่านสำลีหรือผ้าก๊อซที่เกิดการปนเปื้อนจากการจัดเก็บ ซึ่งอุปกรณ์ที่ยกตัวอย่างมาโดยส่วนใหญ่มักผลิตจากสแตนเลสซึ่งเป็นวัสดุที่มักถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหารและยา เป็นอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสะอาดและถูกสุขลักษณะมากที่สุด “สแตนเลส” วัสดุที่นิยมนำมาผลิตอุปกรณ์และรถเข็นประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในโรงพยาบาล ทำความรู้จักกับ “สแตนเลส” วัสดุที่สะอาดและถูกสุขอนามัย สแตนเลสหรือที่คนไทยเรียกว่าเหล็กกล้าไร้สนิมผลิตจากโลหะผสมที่มีส่วนประกอบสำคัญ คือ เหล็ก, โครเมียม, และคาร์บอน อาจมีการเติมสารชนิดอื่นเพิ่มเข้าไปเพื่อให้มีคุณสมบัติตามที่ต้องการในการใช้งาน สแตนเลสมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือไม่เกิดสนิมเนื่องจากโครเมียมที่อยู่ในสแตนเลสมีการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศทำให้เกิดแผ่นฟิล์มบาง ๆ คอยเคลือบผิวของสแตนเลสซึ่งเรียกปฏิกิริยานี้ว่า “โครเมียมออกไซด์” เพื่อป้องกันการเกิดสนิมหรือการกัดกร่อนต่าง ๆ ในเนื้อวัสดุจึงไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน นอกจากนั้นเชื้อโรคอย่างแบคทีเรียยังไม่สามารถเกาะติดและอยู่รอดได้ยากในพื้นผิวของสแตนเลส และง่ายในการทำความสะอาด ชนิดของสแตนเลสที่นำมาใช้งานมีหลายชนิดโดยมีความแตกต่างกันที่อัตราส่วนผสมหรือแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมเข้าไป จึงทำให้สแตนเลสมีหลายชนิดและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ชนิดของสแตนเลสที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตอุปกรณ์และรถเข็นประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในโรงพยาบาลคือ สแตนเลสตระกูลออสเทนนิติคเกรด 304 เป็นชนิดที่มีมาตรฐาน Food Grade มีความทนทานต่อความร้อน การกัดกร่อน มีความเหนียว และไม่เป็นสนิมเนื่องจากมีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลัก จึงเกิดปฏิกิริยา “โครเมียมออกไซด์” เพื่อสร้างชั้นฟิล์มเคลือบผิวของสแตนเลสและถึงแม้ชั้นฟิล์มสแตนเลสถูกทำลายไม่ว่าจะจากสารเคมี หรือออกซิเจนที่มีอยู่ในอากาศ จะมีการสร้างฟิล์มด้วยปฏิกิริยาของโครเมียมขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เสมอ จึงไม่มีโอกาสเกิดสนิม นอกจากนั้นยังมีความเป็นกลางสูงจึงไม่ดูดซึมสารเคมี กลิ่น รสชาติอาหารชนิดต่าง ๆ ทำความสะอาดได้ง่าย เป็นวัสดุที่ทั้งปลอดภัยและถูกสุขลักษณะเป็นอย่างมาก ตัวอย่างของอุปกรณ์และชนิดของรถเข็นที่ใช้ในโรงพยาบาลที่ผลิตจากวัสดุสแตนเลส รถเข็นโรงพยาบาล เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ทำให้สามารถได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงทีและยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากการเคลื่อนไหวร่างกาย รถเข็นโรงพยาบาลมีด้วยกัน 2 แบบคือ รถเข็นแบบนั่งและรถเข็นแบบนอน รถเข็นแบบนั่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้หรือไม่ได้รับบาดเจ็บมาก สำหรับรถเข็นแบบนอนจะใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ไม่ได้มีสติหรือได้รับการบาดเจ็บที่ห้ามมีการเคลื่อนไหวของร่างกายรวมไปถึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ซึ่งสแตนเลสมักถูกนำมาใช้ในการทำโครงของรถเข็นโรงพยาบาลเนื่องจากมีความแข็งแรงและไม่เป็นสนิมง่าย รถเข็นฉีดยา เป็นรถเข็นที่เพิ่มความสะดวกในการรักษาพยาบาลให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากรถเข็นฉีดยาสามารถเก็บอุปกรณ์ในการฉีดยาให้เป็นระเบียบและสะดวกในการใช้งาน รถเข็นจะมีช่องหรือลิ้นชักในการจัดเก็บอุปกรณ์มีพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์บนรถเข็นและมีขอบกั้นเพื่อป้องกันการตกหล่น ซึ่งโครงสร้างของรถเข็นจะผลิตจากสแตนเลส รวมไปถึงอุปกรณ์ในการจัดเก็บสำหรับการฉีดยาก็ยังผลิตจากสแตนเลส เช่น กล่องใส่สำลี, กล่องใส่เครื่องมือแพทย์, ชามรูปไต, ถาดหลุมทำแผล เป็นต้น รถเข็นเก็บจาน ใช้ในการเก็บจานหรือบางรุ่นมีที่เก็บเศษอาหารด้วย ส่วนใหญ่ใช้เก็บจานอาหารของผู้ป่วยในของโรงพยาบาล ซึ่งโครงสร้างของรถเข็นเก็บจานจะผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 เพราะทนทานต่อความชื้นและน้ำได้ดี ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดง่าย มีชั้นในการวางจานพร้อมราวกันตก มีหลุมในการทิ้งเศษอาหารเป็นรูปทรงกรวยป้องกันเศษอาหารกระจายเมื่อเทลงไปข้างล่างโดยข้างล่างจะมีถังพลาสติกรองรับอยู่ด้านใน รถเข็นอาหาร ใช้สำหรับบรรจุอาหารเพื่อส่งให้กับผู้ป่วยในของโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ผลิตจากสเตนเลสเกรด 304 คุณภาพดีเพราะมีความใกล้ชิดกับอาหารผู้ป่วยจึงต้องปราศจากการปนเปื้อนและถูกสุขลักษณะมากที่สุด รถเข็นอาหารจะมีชั้นวางซึ่งสามารถปรับระดับชั้นได้หรือจะถอดออกแล้วปรับเป็นตู้โล่งได้เพื่อสามารถขนย้ายอาหารได้ตามที่ต้องการ มีกลอนประตูสำหรับคล้องกุญแจจึงสามารถล็อกได้ ถังขยะสแตนเลส เป็นถังขยะที่เหมาะในการใช้งานในโรงพยาบาลเพราะถูกสุขลักษณะโดยเฉพาะเชื้อโรคแบคทีเรียไม่สามารถเติบโตได้ ไม่ดูดซับสารเคมีต่าง ๆ และทนทานต่อกรดและด่าง ถังขยะสแตนเลสโดยส่วนใหญ่จะมีที่ให้เท้าเหยียบเพื่อลดการปนเปื้อนมากที่สุด นอกจากนั้นถังขยะสแตนเลสยังใช้ในการตกแต่งอาคารหรือสำนักงานให้ดูสะอาดเรียบร้อยได้อีกด้วย มีทั้งแบบมีฝาปิดและไม่มีฝาปิด ซึ่งแบบมีฝาปิดมีทั้งแบบบานสวิง, แบบ Soft Close อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น กระปุกสำลี, กล่องใส่เครื่องมือแพทย์, ถาดหลุมทำแผล, ชามรูปไต, กาลิพอท, ถาดนับยา, ปากคีบ ฯลฯ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการรักษาและการวินิจฉัยโรค ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวผลิตจากสแตนเลส ที่ปลอดภัยจากเชื้อโรค แข็งแรง ทนทาน และง่ายในการทำความสะอาด โดยอุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่เมื่อใช้งานแล้วมักนำไปทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคจึงจะนำกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง สแตนเลสถึงจะเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือในโรงพยาบาลแต่ทุกอุปกรณ์ก็ต้องมีมาตรฐานเพื่อเป็นการการันตีคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน ส่วนใหญ่มาตรฐานที่ใช้ในการรับรองอุปกรณ์และเครื่องมือโรงพยาบาลจะมี มอก., ISO เช่น รถเข็นโรงพยาบาลที่ใช้เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็มีโอกาสที่ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโรคได้หากมีการปนเปื้อน รถเข็นโรงพยาบาลจึงมีมาตรฐานมอก. 702-2551 เพื่อให้ได้รถเข็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานทั้งวัสดุและฟังก์ชันการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์จะมีมาตรฐานระบบจัดการคุณภาพระดับสากล (QMS) สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือมาตรฐาน ISO 13485:2016 เพื่อพัฒนาระบบบริหารคุณภาพ สำหรับองค์กรที่เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบ การผลิต การขาย การติดตั้ง และการบริการ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผลิตเครื่องมือแพทย์ที่มีคุณภาพ และปลอดภัยกับผู้ใช้งานมากที่สุด Jestore by Jenbunjerd ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในโรงพยาบาล เช่น รถเข็นโรงพยาบาล, รถเข็นฉีดยา, รถเข็นทำแผล งานด้านบริการทางการแพทย์ เช่น รถเข็นเก็บจาน, รถเข็นอาหาร, รถเข็นผ้า รวมไปถึงอุปกรณ์ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น กระปุกสำลี, กล่องใส่เครื่องมือแพทย์, ถาดนับยา ที่มีมาตรฐาน มีความแข็งแรงและปลอดภัยในการใช้งาน นอกจากนี้ยังรับสั่งทำรถเข็นตามแบบที่สามารถระบุความต้องการเพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้มากที่สุด พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำและบริการหลังการขายที่จะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
เครื่องมืออุตสาหกรรมพลังงานสะอาด รถยกไฟฟ้า ช่วยลดมลพิษและยกระดับแบรนด์สินค้า

เครื่องมืออุตสาหกรรมพลังงานสะอาด รถยกไฟฟ้า ช่วยลดมลพิษและยกระดับแบรนด์สินค้า รถยกไฟฟ้า พลังงานทางเลือกที่ช่วยให้โลกสะอาดมากยิ่งขึ้น เครื่องมือที่มีการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้เครื่องมือมีการใช้พลังงานสะอาดให้มากที่สุด โดยเฉพาะเครื่องมือในการยก-ย้ายที่มีการทำงานตลอดเวลาซึ่งเป็นกลไกในการขับเคลื่อนกระบวนการต่าง ๆ ให้มีการดำเนินงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ ในหลายโรงงานอุตสาหกรรมจึงนิยมเลือกใช้ รถยกไฟฟ้า เพื่อช่วยลดมลพิษเนื่องจากรถยกไฟฟ้าเป็นเครื่องจักรที่ไม่มีการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน แต่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในการยก-ย้ายสินค้า ที่ไม่มีทั้งการเผาไหม้ ไม่มีเขม่าควันพิษ ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีเสียงดังจากเครื่องจักรจากการทำงานที่มีผลเสียทั้งต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของพนักงาน นอกจากนี้รถยกไฟฟ้ายังมีประสิทธิภาพที่รวดเร็วในการยก-ย้ายสินค้า เป็นเครื่องทุ่นแรงที่ดีเพราะสามารถยกสินค้าที่มีน้ำหนักจำนวนมาก ขึ้นที่สูงได้ สามารถจัดเรียงสินค้าในแนวดิ่งทำให้เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บได้เป็นอย่างมาก และยังสามารถเพิ่มรอบการทำงานทำให้การดำเนินธุรกิจมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมพลังงานสะอาดรถยกไฟฟ้า เครื่องมือในการยก-ย้ายในที่สูง อย่างที่ทราบกันรถยกไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนซึ่งถือได้ว่าเป็นพลังงานที่ปราศจากมลพิษหรือก่อมลพิษได้น้อย แต่เดิมทีรถยกเป็นระบบแมนนวลโดยใช้แรงคนในการโยกคันโยกจากระบบปั๊มไฮโดรลิกเพื่อให้มีการยกขึ้น-ลงได้ตามที่ต้องการซึ่งไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยความรวดเร็วในการขยายตัวของธุรกิจ รถยกระบบแมนนวลอาจจะไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานที่ต้องการความรวดเร็ว จึงมีการพัฒนามาเป็นรถยกระบบกึ่งไฟฟ้าและรถยกไฟฟ้าในปัจจุบัน โดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน 100% ที่มีทั้งความรวดเร็วและสมรรถนะในการยก-ย้ายสินค้า และด้วยกระแสรักษ์โลกที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกเกิดภาวะโลกร้อนและทำให้สภาพอากาศแปรปรวนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้หลายอุตสาหกรรมตระหนักถึงผลกระทบจึงพยายามลดมลพิษที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการ รถยกไฟฟ้าจึงถูกนำมาพัฒนาเพื่อให้มีการสร้างมลภาวะเป็นศูนย์ แต่มีสมรรถนะที่ดีในการยก-ย้าย ใช้งานง่าย และกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น และด้วยการเล็งเห็นปัญหาต่อภาวะโลกที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทพลังงานเชื้อเพลิงเริ่มเปลี่ยนทิศทางมาผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น พยายามพัฒนาแบตเตอรี่ที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดดั่งเดิมที่ใช้กับรถยกไฟฟ้าคือ แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดที่ทำมาจากแผ่นธาตุ (Plate), แผ่นกั้น (Separator) และมีน้ำกรดกำมะถัน (Electrolyte) มีข้อควรระวังในการใช้ คือในขณะที่ชาร์จไฟฟ้าจะมีการปล่อยไอเคมีออกมาซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพพนักงาน ทำให้ต้องมีการแยกพื้นที่ชาร์จไฟฟ้าออกมาจากพื้นที่ทำงานในส่วนอื่น ๆ ซึ่งแบตเตอรี่กรด-ตะกั่วยังมีการแบ่งออกเป็นแบบน้ำ แบบกึ่งแห้ง และแบบแห้ง ซึ่งรถยกไฟฟ้าที่จะใช้แบตเตอรี่แบบแห้งจะมีความสะดวกและปลอดภัยมากกว่าเพราะไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นในการใช้งานแต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยกไฟฟ้าก็ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนพบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็นแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่ปล่อยมลภาวะน้อยมากจนเกือบเท่ากับศูนย์แต่มีพละกำลังเพราะเป็นเซลล์ไฟฟ้าที่ให้ประจุไฟฟ้าสูงและการกักเก็บพลังงานที่มากขึ้น ประกอบกับธาตุลิเทียมเป็นเซลล์แห้งที่ไม่มีส่วนประกอบอันตรายต่อธรรมชาติ จึงทำให้รถยกไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็นพลังงานสะอาด ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ขับเคลื่อนในระยะทางที่ไกลขึ้นกว่าเดิม และมีรอบชาร์จไฟที่มากกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ซึ่งแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่นิยมนำมาใช้ในรถยกไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟตเพราะให้พละกำลังที่สูงจึงเหมาะในการยก-ย้ายสินค้าหนัก ๆ ได้ นอกจากจะใช้ในรถยกไฟฟ้าแล้วยังนำมาใช้ในรถยกลากพาเลทไฟฟ้า,รถลากจูงไฟฟ้า, รถโฟร์คลิฟท์ เป็นต้น รถเข็น, รถลากพาเลท, อุปกรณ์เคลื่อนย้ายที่ปราศจากมลพิษ นอกจากรถยกไฟฟ้าแล้วยังมีรถเข็น, รถลากพาเลท ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ในโรงงานอุตสาหกรรมมักจะนำมาใช้งาน เครื่องมือทั้งสองชนิดไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เป็นพลังงานที่มีทั้งประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผล รถเข็นและรถลากพาเลทใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักหรือจำนวนมาก ๆ เช่น ในคลังสินค้า ที่มีให้เลือกใช้งานทั้งแบบแมนนวลและแบบระบบไฟฟ้า การใช้งานของรถเข็นทั้งสองประเภทถึงแม้จะใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายเหมือนกันแต่ก็มีลักษณะในการใช้งานที่แตกต่างกันขึ้นอยู่ปริมาณของสิ่งของ น้ำหนักของสิ่งของ และรูปแบบในการทำงานรถเข็นนิยมใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อยกิโลกรัม ใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของทั่วไปตั้งแต่สิ่งของในสำนักงานจนถึงสินค้าในคลังสินค้า รถเข็นที่ใช้งานในโรงงานอุตสากรรมมีหลายประเภทมีทั้งแบบรถเข็น 4 ล้อ และรถเข็น 2 ล้อ ซึ่งรถเข็น 4 ล้อจะมีความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือสินค้าที่หลากหลายลักษณะ แต่รถเข็น 2 ล้อใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีรูปทรงกระบอกและมีขนาดใหญ่ แต่ก็มีรถเข็นที่ถูกออกแบบมาเพื่อนำมาใช้ในลักษณะงานบางอย่าง เช่น รถเข็นไต่บันได ที่ออกแบบให้ล้อรถเข็นมีข้างละ 3 ล้อเพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายบนบันได หรือรถเข็นดอลลี่ที่ออกมาแบบมาเพื่อให้ทำหน้าที่คล้ายพาเลทสินค้า อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกันได้เพื่อขยายพื้นที่ ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของในปริมาณที่มากขึ้นได้ และรถเข็นไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เช่น แบตเตอรี่ชนิด ดีฟไซเคิล (Free Maintenance) เป็นแบตเตอรี่ที่ใช้เก็บสะสมพลังงานจากกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากระบบพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานกังหันลม เป็นพลังงานทางเลือกและเป็นพลังงานสะอาดที่มีการพัฒนาและนำมาใช้งานเพื่อลดการก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมรถลากพาเลท ส่วนใหญ่นิยมใช้ในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักหรือจำนวนมากที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึงหลักพันกิโลกรัม รถลากพาเลทจะมีลักษณะที่พิเศษโดยจะมีที่ยกพาเลทลักษณะคล้ายส้อมเรียวยาวเพื่อสอดเข้าไปที่ใต้พาเลทเพื่อยกขึ้น-ลง โดยการยกขึ้น-ลงของงาจะใช้ระบบปั๊มไฮโดรลิกเพื่อทุ่นแรงในการทำงาน รถลากพาเลทมีทั้งระบบแมนนวล แบบกึ่งแมนนวล และระบบไฟฟ้า ระบบแมนนวลจะใช้แรงคนในการโยกคันโยกเพื่อปั๊มไฮโดรลิกและลากรถลากพาเลทเพื่อเคลื่อนย้ายสินค้า ระบบกึ่งแมนนวลจะใช้แรงงานคนในการปั๊มไฮโดรลิกและใช้ระบบไฟฟ้าในการเคลื่อนย้าย และระบบไฟฟ้าคือการใช้ระบบไฟฟ้าทำงาน 100% ซึ่งมีการใช้งานทั้งแบตเตอรี่ลิเทียมและแบตเตอรี่ดีฟไซเคิล เป็นแบตเตอรี่พลังงานสะอาดทั้งคู่การเลือกใช้เครื่องมืออุตสาหกรรมหากเลือกใช้ที่เป็นพลังงานสะอาดในการขับเคลื่อนการทำงานจะช่วยเพิ่มโอกาสให้โลกมีเวลาในการปรับสมดุลและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้มีมากยิ่งขึ้น การเลือกใช้ รถยกไฟฟ้า, รถเข็นและรถลากพาเลทแบบระบบไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดจะช่วยเป็นเกราะป้องกันให้โลกต้องเจอมลพิษที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยลง นอกจากนั้นด้วยกระแสพลังงานสะอาดที่นับวันจะมีมากยิ่งขึ้นจนหลายประเทศกำหนดให้เป็นนโยบายโดยตั้งเป้าหมายที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมจึงเลือกใช้งานเครื่องมืออุตสาหกรรมที่เกิดจากพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น เพื่อแสดงเจตนารมณ์ถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อมซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C เป็นการยกระดับแบรนด์สินค้าผ่านพลังงานสะอาดที่มีผลดีทั้งต่อโลกและธุรกิจJenstore by Jenbujerd เป็นผู้นำในอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสินค้า ภายใต้แบรนด์ JUMBO เช่น รถเข็น, รถเข็นพับได้, รถเข็นอเนกประสงค์ รถแฮนด์ลิฟท์, รถลากพาเลท, รถยกไฟฟ้า, รถเข็นดอลลี่ ฯลฯ คุณภาพส่งออกที่ได้รับสิทธิพิเศษในการใช้ "Thailand Trust Mark" เพื่อแสดงถึงความไว้วางใจและมั่นใจได้ในรถเข็นคุณภาพระดับพรีเมียมของไทย นอกจากนั้นยังรับทำรถเข็นตามแบบได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งาน พร้อมบริการหลังการจากทีมงานมืออาชีพ สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
เช็คลิสต์อุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานในคลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพ

เช็คลิสต์อุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานในคลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพในการยกย้ายและจัดเก็บด้วยรถยกไฟฟ้าและชั้นวางสินค้า การจัดการโรงงานอุตสาหกรรมที่ดีจะช่วยเพิ่มศักยภาพของการผลิตให้ระบบทุกอย่างสามารถทำงานกันได้อย่างสอดคล้องและคล่องตัว ในอดีตโรงงานอุตสาหกรรมมีการวางระบบและการจัดการโดยใช้คนเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนทุกกระบวนการในโรงงานอุตสาหกรรม แต่เมื่อยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงไปมีการพัฒนาเทคโนโลยีทำให้มีเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้กระบวนการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งคนยังเป็นผู้ที่ควบคุมดูแลแต่มีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในงานที่มีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเสียหายที่กระทบต่อธุรกิจได้อย่างการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ รถเข็น, รถลากพาเลท และรถยกไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะสามารถรองรับน้ำหนักและสินค้าที่มีจำนวนมากได้ดี มีความแข็งแรงและทนทาน เป็นเครื่องทุ่นแรงที่ดีในการยก-ย้ายและยังช่วยทำให้การยก-ย้ายมีความรวดเร็วที่ตอบสนองต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน การใช้งานอุปกรณ์ทั้ง 3 ประเภทถึงจะมีจุดประสงค์ที่เหมือนกันแต่มีการใช้งานที่แตกต่างกันตามการออกแบบและฟังก์ชัน การใช้งานที่ตอบโจทย์การยก-ย้ายในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด รถเข็น, รถลากพาเลท, รถยกไฟฟ้า เครื่องมือที่ช่วยยกระดับในการยก-ย้าย รถเข็น เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนย้ายแบบอเนกประสงค์ที่เคลื่อนย้ายได้ตั้งแต่อุปกรณ์สำนักงาน สินค้า จนถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยกิโลกรัม โดยส่วนใหญ่ที่นิยมใช้จะเป็นรถเข็นที่มี 4 ล้อเพราะมีความคล่องตัวและมีขนาดฐานที่ใหญ่ทำให้มีพื้นที่ในการวางสิ่งของได้มาก นอกจากนี้รถเข็น 4 ล้อยังมีการแยกประเภทของฐานของรถเข็นที่ผลิตจากวัสดุที่ต่างชนิดกัน คือเหล็ก สเตนเลสและพลาสติก เพื่อให้เหมาะกับประเภทของอุตสาหกรรมที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร เหมาะสำหรับรถเข็นพื้นสเตนเลสหรือพลาสติก เพราะทนทานต่อความชื้น ความเย็น และน้ำได้ดี ฐานของรถเข็นไม่เป็นสนิมจึงช่วยลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในอาหารได้ รถเข็นพื้นเหล็กเหมาะในการขนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเพราะมีความแข็งแรงจึงใช้งานได้ดีในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งในโรงงานอุตสาหกรรมยังมีรถเข็นที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ในลักษณะพิเศษ เช่น รถเข็นไต่บันได, รถเข็นดอลลี่ เป็นต้น รถลากพาเลท ถูกออกแบบมาเพื่อให้เคลื่อนย้ายสินค้าหรือขนส่งสินค้าที่มีจำนวนหรือน้ำหนักที่มาก โดยรถลากพาเลทจะมีฐานที่มีลักษณะพิเศษคล้ายส้อมเรียวยาวหรือที่เรียกว่า “งา” โดยจะเข้าต่อกับปั๊มไฮโดรลิกที่มีคันโยกปั๊มเพื่อยกงาขึ้น-ลง เป็นเครื่องทุ่นแรงในการเคลื่อนย้ายสินค้า โดยรถลากพาเลทที่ใช้ควรคู่กับพาเลทซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้วางสินค้า เนื่องจากงาจะทำหน้าที่ช้อนช่องที่อยู่ด้านล่างของพาเลทเพื่อยก-ย้ายสินค้าหรือสินค้าที่บรรจุด้วยกล่องหรือทรงคล้ายกล่องก็สามารถยก-ย้ายได้โดยที่ไม่ต้องวางบนพาเลท หลังจากนั้นรถลากพาเลทจะเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังจุดที่ต้องการหรือนำไปใช้งาน รถลากพาเลทสามารถรองรับน้ำหนักสินค้าได้ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันกิโลกรัม ซึ่งรถลากพาเลทมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ รถลากพาเลทแบบแมนนวล ใช้แรงคนในการเคลื่อนย้ายและโยกปั๊มไฮดรอลิกเพื่อยกสินค้าขึ้น-ลง เหมาะกับอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น ลานมัน, ลานอ้อย, โรงพิมพ์, คลังเก็บสินค้า รถลากพาเลทกึ่งไฟฟ้า ที่ควบคุมการเคลื่อนย้ายด้วยระบบไฟฟ้า แต่ใช้แรงคนในการโยกปั๊มไฮดรอลิกเพื่อยกสินค้าขึ้น-ลง เหมาะในงานโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ รถลากพาเลทไฟฟ้า (Power Pallet Truck) ควบคุมทุกอย่างด้วยระบบไฟฟ้า และบางรุ่นมีเพิ่มฟังก์ชันในการใช้งานโดยมีแท่นยืนเพื่อลดความเมื่อยล้าจากการทำงาน เป็นรถลากพาเลทที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตสินค้าทั่วไป เพราะประหยัดเวลาได้มากในการเคลื่อนย้ายสินค้า รถยกไฟฟ้า เป็นรถที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดด้วยไฟฟ้า สามารถยกพาเลทได้สูงกว่ารถลากพาเลทและสามารถซ้อนพาเลทในแนวดิ่งได้ดี จึงสามารถใช้ในการจัดเก็บสินค้าบนชั้นวางสินค้าหรือจัดเก็บสินค้าในแนวดิ่งได้ หรือจะใช้เคลื่อนย้ายสินค้าไปยังรถขนส่งโดยไม่ต้องใช้แรงงานคนในการขนย้ายขึ้นรถบรรทุก รถยกไฟฟ้าใช้เคลื่อนย้ายสินค้าที่มีจำนวนและน้ำหนักมาก ๆ ได้ สามารถรองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่หลักพันกิโลกรัมขึ้นไป รถยกไฟฟ้าช่วยให้การจัดการสินค้ามีความรวดเร็วและประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มรอบการเคลื่อนย้ายสินค้าต่อวันได้มากขึ้น มีขนาดที่เล็กจึงใช้งานในที่แคบได้ดีและไม่ก่อมลพิษทั้งทางกลิ่นและเสียง บางรุ่นมีการเพิ่มฟังก์ชันในการใช้งานด้วยการมีแท่นยืนเพื่อลดความเมื่อยล้าจากการทำงาน อุปกรณ์ยก-ย้ายทั้ง 3 ชนิดนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเนื่องจากสามารถจัดการกับสินค้าที่มีจำนวนและน้ำหนักมากได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่สามารถทันต่อการแข่งขันของธุรกิจได้ แผนกที่มีการใช้งานรถเข็น, รถลากพาเลท และรถยกไฟฟ้า มากสุดในโรงงานอุตสาหกรรมคือแผนกคลังสินค้า เพราะเป็นแผนกที่จัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าทั้งหมดของโรงงานอุตสาหกรรม การบริหารคลังสินค้ามีผลต่อผลกำไรของธุรกิจ จึงทำให้การบริหารคลังสินค้าต้องมีความรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ รวมไปถึงการจัดการพื้นที่ในการจัดเก็บซึ่งเป็นหัวใจหลักของคลังสินค้าที่ต้องใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรให้คุ้มค่าเพราะคลังสินค้าก็เป็นหนึ่งในต้นทุนของธุรกิจ ดังนั้นในการเลือกอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในการจัดเก็บจึงต้องคำนึงคุณสมบัติที่เหมาะสมในการทำงานที่จะช่วยส่งเสริมให้พื้นที่ในคลังสินค้าสร้างมูลค่าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งชั้นวางสินค้า, ลังพลาสติก, กล่องพลาสติก เป็นอุปกรณ์ที่ในทุกคลังสินค้าต้องมีเนื่องจากสามารถสร้างประโยชน์และก่อให้เกิดกำไรให้กับธุรกิจได้ ชั้นวางสินค้า, ลังพลาสติก, กล่องพลาสติก อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บ ชั้นวางสินค้า เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าในแนวดิ่งได้เป็นอย่างดี ด้วยชั้นวางสินค้าสามารถมีหลายชั้นและซ้อนกันเป็นแนวดิ่งได้ สามารถใช้แบ่งสัดส่วนในพื้นที่คลังสินค้าได้ ชั้นวางสินค้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีทั้งชั้นวางสินค้าขนาดใหญ่ และขนาดเล็กขึ้นอยู่กับโรงงานอุตสาหกรรมจะเลือกใช้งานชั้นวางสินค้าประเภทไหนเพื่อให้ตอบโจทย์กับการจัดเก็บสินค้ามากที่สุด ชั้นวางสินค้าขนาดใหญ่โดยส่วนใหญ่จะใช้งานร่วมกับพาเลท อุปกรณ์ในการจัดเก็บ และรถยกไฟฟ้าหรือรถโฟลค์ลิฟท์ สามารถปรับระยะของชั้นหรือถอดประกอบได้ ซึ่งชั้นวางสินค้าขนาดใหญ่ก็มีหลายประเภทเพื่อตอบโจทย์การจัดเก็บสินค้าที่มีความแตกต่างกัน เช่น ชั้นวางสินค้าแบบ Drive-In/ Drive Through เหมาะสำหรับสินค้าที่ SKUs น้อยแต่มีจำนวนต่อ SKUs ที่มาก ชั้นวางสินค้าประเภทนี้มีข้อจำกัดในการใช้พาเลทและระบบการหมุนเวียนสินค้าต้องเป็นแบบ First-In First-Out เท่านั้น, ชั้นวางสินค้าแบบ FIFO เป็นชั้นวางสินค้าที่มีระบบลูกกลิ้งอยู่ภายในพาเลท จึงทำให้มีความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายสินค้าและเพื่อให้เคลื่อนที่ไปในทางเดียวกัน ระบบหมุนเวียนสินค้าเป็นแบบ First-In First-Out เหมาะสำหรับสินค้าที่มีอายุในการใช้งานหรือสินค้าที่ต้องมีการหมุนเวียนตลอดเวลา ชั้นวางสินค้าขนาดเล็กสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จัดเก็บได้ เช่น ลังพลาสติก, กล่องพลาสติกเป็นชั้นวางที่สามารถใช้วางสินค้าในคลังสินค้าหรือจัดเก็บเอกสารในอาคารสำนักงานได้ ชั้นวางสินค้าชนิดนี้บางรุ่นโครงสร้างเป็นแบบ Knock-Down ง่ายต่อการติดตั้งหรือรื้อถอน ปรับระดับของชั้นได้ มีแผงปิดด้านข้างและด้านหลังได้เพื่อป้องกันสินค้าตกหล่น บางรุ่นมีล้อเพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนย้าย การเลือกชั้นวางสินค้าทั้งสองประเภทควรพิจารณาจากชนิด ขนาด และน้ำหนักสินค้าที่จะจัดเก็บเพื่อจะได้เลือกอุปกรณ์ในการจัดเก็บได้เหมาะสม ลังพลาสติกและกล่องพลาสติก ใช้ในการจัดเก็บสินค้า แยกหมวดหมู่และประเภทสินค้า บางรุ่นมีป้ายเสียบชื่อพลาสติกเพื่อใช้บอกรายละเอียดของสินค้า ซึ่งลังพลาสติกและกล่องพลาสติกยังช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า ป้องกันสินค้าจากแมลง ฝุ่นละออง หรือสารที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน ช่วยให้ค้นหาหรือเคลื่อนย้ายได้ง่าย ลังพลาสติกและกล่องพลาสติกจะมีลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้ในการบรรจุสินค้าชนิดไหน มีลักษณะอย่างไร ซึ่งลักษณะโดยรวมของลังพลาสติกและกล่องพลาสติกจะมีทั้งแบบทึบและแบบใส ส่วนใหญ่แบบใสจะใช้ในการจัดเก็บสินค้าที่มีการหมุนเวียนที่เร็วเพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นสินค้าด้านใน ส่วนแบบทึบส่วนใหญ่ใช้ในการจัดเก็บสินค้าที่แสงมีผลต่อคุณภาพของสินค้า แบบมีฝาใช้ในการป้องกันฝุ่นและแมลง แบบไม่มีฝาปิดสามารถซ้อนเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ซึ่งทั้งสองแบบบางรุ่นสามารถวางซ้อนกันได้ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บเมื่อไม่ใช้งาน มีตัวล็อกเพื่อป้องกันการตกหล่นของสินค้า บางรุ่นมีล้อทำให้มีความรวดเร็วในการเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ลังพลาสติกบางประเภทจะมีรูรอบ ๆ เพื่อใช้ในการระบายอากาศมักใช้ในการบรรจุผัก ผลไม้ เพื่อคงความสดและป้องกันการบอบช้ำในการจัดเก็บและการขนส่ง หรือบางรุ่นมีช่องเปิดปิดฝาด้านข้างทำให้หยิบสินค้าออกมาได้ในขณะที่วางซ้อนกัน หรือบางแบบมีสีต่างกันในใบเดียวสะดวกในการจัดหมวดหมู่สินค้าหรือตรวจสอบสินค้า ซึ่งรูปแบบทั้งหมดก็เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากที่สุด การเลือกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนของธุรกิจได้เป็นอย่างมาก โดยรถเข็น, รถลากพาเลท และรถยกไฟฟ้า ช่วยลดต้นทุนด้านแรงงาน ต้นทุนของเวลา และค่าใช้จ่ายของความเสียหายที่เกิดจากการยก-ย้ายของแรงงานคน ชั้นวางสินค้า, ลังพลาสติกและกล่องพลาสติก ช่วยลดความสูญเปล่าที่อาจเกิดขึ้นจากการเสื่อมคุณภาพของสินค้า, ความเสียหายของสินค้าที่เกิดจากการตกหล่น และช่วยลดต้นทุนในการเช่าหรือสร้างคลังสินค้าเพิ่ม ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดสามารถเพิ่มทั้งศักยภาพในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลต่อผลประกอบการของธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม Jenstroe by Jenbujerd ผู้ผลิตและจำหน่าย อุปกรณ์ในการเคลื่อนย้าย เช่น รถเข็นอุตสาหกรรม, รถเข็น, รถเข็น 4 ล้อ, รถเข็นไต่บันได, รถเข็นดอลลี่, รถลากพาเลท, รถยกไฟฟ้า ที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ชั้นนำ อุปกรณ์ในการจัดเก็บ เช่น ชั้นวางสินค้า, ชั้นวางของเหล็ก, ชั้นวางของอเนกประสงค์, กล่องพลาสติก, ลังพลาสติก และถังพลาสติก ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพที่มีทั้งความแข็งแรงและทนทาน ช่วยให้สินค้าปลอดภัยจากการจัดเก็บ พร้อมยินดีให้คำแนะนำจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยเลือกเครื่องมือและอุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสมและบริการหลังการขายจากทีมงานมืออาชีพ สนใจสินค้าติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-05-11
Jenstore Shop ร้านค้าช้อปปิ้งออนไลน์อุปกรณ์อุตสาหกรรมแบบครบวงจร

Jenstore Shop ร้านค้าช้อปปิ้งออนไลน์อุปกรณ์อุตสาหกรรมแบบครบวงจร ซื้อ รถเข็น, ล้ออุตสาหกรรม, ลังพลาสติก ได้ง่าย ๆ เพียงคลิกที่ Jestore Shop ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนคุณก็สามารถช้อปปิ้งได้แบบจุใจตลอด 24 ชั่วโมงกับ Jenstore Shop ร้านค้าออนไลน์ที่เป็นผู้นำในการจำหน่ายสินค้าสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บและเครื่องมือในการยก-ย้ายแบบครบวงจร เช่น รถเข็นคุณภาพที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายสินค้า, กล่องพลาสติกที่ใช้ในการจัดเก็บอุปกรณ์หรือเครื่องมือ, ลังพลาสติกที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้าตั้งแต่ผัก, ผลไม้ไปจนถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ, ชั้นวางสินค้าที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บและง่ายต่อการใช้งาน รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในสำนักงานอย่าง โต๊ะทำงาน, เก้าอี้สำนักงานที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น Jenstore Shop จึงอยากขอแนะนำสินค้าที่ท่านสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้เหนือระดับยิ่งขึ้น พาทัวร์สินค้าคุณภาพจาก Jestore Shop ที่พร้อมสำหรับการสั่งซื้อเพียงคลิกเท่านั้น รถเข็น เป็นเครื่องทุ่นแรงในการเคลื่อนย้ายสินค้าหรืออุปกรณ์ ให้มีความรวดเร็วและทันท่วงทีในการดำเนินงาน นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายทั้งสินค้าและพนักงาน ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายที่อาจจะทำให้สูญเสียเวลาและงบประมาณ โดยรถเข็นที่มีจำหน่ายใน Jenstore Shop มีหลายประเภทเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานที่มีความหลากหลายมีตัวอย่าง ดังนี้      1.1 รถเข็น 2 ล้อ ใช้ในการขนย้ายสินค้าที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า, ทรงสูงหรือมีขนาดใหญ่สามารถรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักมากได้ โครงสร้างผลิตจากอลูมิเนียมบางรุ่นมีฟังก์ชันพิเศษแผ่นพื้นสามารถขยายพื้นที่ได้หรือแผ่นหลังมีความโค้งเพื่อรองรับสินค้าที่มีความโค้งหรือเป็นทรงกระบอก       1.2 รถเข็น 4 ล้อ เป็นรถเข็นอเนกประสงค์ที่สามารถขนย้ายสินค้า อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ เป็นประเภทของรถเข็นที่นิยมนำมาใช้งาน เนื่องจากรถเข็น 4 ล้อสามารถรองรับการใช้งานที่มีความหลากหลายได้ โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีทั้งสารเคมี ความชื้น ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้าย จึงทำให้รถเข็น 4 ล้อมีการแยกประเภทออกมาอีก 3 ประเภทคือ          1.2.1 รถเข็นพื้นเหล็ก (รถเข็นเหล็ก) เหมาะสำหรับขนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ ได้ดี เพราะมีความแข็งแรงทนทาน           1.2.2 รถเข็นพื้นสแตนเลส (รถเข็นสแตนเลส) เหมาะสำหรับงานบริการที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือความเปียกชื้น เพราะวัสดุไม่เป็นสนิม           1.2.3 รถเข็นพื้นพลาสติก (รถเข็นพลาสติก) เหมาะสำหรับงานที่สัมผัสความชื้นและทนต่อสารเคมี กรดด่าง 1.3 รถเข็นบริการ เป็นประเภทของรถเข็นที่ใช้ในอุตสาหกรรมบริการ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, โรงพยาบาล, ร้านอาหาร ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับพนักงานและลูกค้า โครงสร้างมักผลิตจากสแตนเลสซึ่งไม่ก่อให้เกิดสนิม มีความแข็งแรง ทนทาน มีการออกแบบที่หลากลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้าน ซึ่งตัวอย่างของรถเข็นบริการ เช่น รถเข็นช้อปปิ้ง, รถเข็นสัมภาระ, รถเข็นเก็บจาน, รถเข็นผ้า เป็นต้น ล้ออุตสาหกรรม ใช้สำหรับติดตั้งใต้อุปกรณ์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการเคลื่อนย้ายสินค้า เช่น รถเข็น, พาเลทสินค้า, ชั้นวางสินค้า ซึ่งล้ออุตสาหกรรมจะคอยรับน้ำหนักและควบคุมทิศทางในการเคลื่อนที่ ช่วยสร้างความรวดเร็วให้กับการเคลื่อนย้าย และทนทานทั้งสารเคมี กรด น้ำมัน ความร้อน และความเย็น เนื่องจากล้ออุตสาหกรรมต้องสัมผัสพื้นที่มีความแตกตางกันตลอดเวลา ล้ออุตสาหกรรมจึงต้องมีหลายประเภทเพื่อรองรับการใช้งานที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ซึ่งตัวอย่างของล้ออุตสาหกรรมที่ Jenstore Shop มีจำหน่ายมีดังนี้       2.1 ล้อพลาสติก PP ทนทานต่อสารเคมี คล่องตัวในการเข็น มีความแข็งแรง รับนํ้าหนักได้ปานกลาง       2.2 ล้อยางสังเคราะห์ เหมาะสำหรับใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ รถเข็นสำนักงาน ฯลฯ ทนทานต่อแรงกระแทก เข็นได้นุ่มนวล เสียงเงียบ ไม่เกิดรอยบนพื้น       2.3 ล้อยูรีเทน ทนทานต่อแรงกระแทก การสึกหรอและสารเคมี ไม่เกิดรอยบนพื้น เสียงเงียบ และคล่องตัวในการเข็น สามารถใช้กับพื้นขรุขระหรือแหลมคมได้ นิยมใช้ติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุ       2.4 ล้อยูรีเทนไฮเทค PUo ทนทานต่อแรงกระแทก การสึกหรอ สารเคมี และนํ้ามันไม่ก่อให้เกิดรอยบนพื้น เสียงเงียบและคล่องตัวในการเข็น รับนํ้าหนักได้ปานกลาง นิยมใช้ในรถเข็นงานอุตสาหกรรม       2.5 ล้อไนลอนล่อน ทนทานต่อการสึกหรอและสารเคมี คล่องตัวในการเข็น แข็งแรง รองรับนํ้าหนักได้ปานกลาง ข้อระวังคือ ไม่ควรใช้กับพื้นไม้ หรือพื้นที่หินอ่อน เพราะความแข็งแรงของไนล่อนอาจทำให้พื้นเป็นรอยได้ นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยาหรือในห้องเย็น       2.6 ล้อยางอีลาสติก ER ทนทานต่อแรงกระแทก ไม่ก่อให้เกิดรอยบนพื้น เสียงเงียบเวลาเข็นเนื้อยางนุ่ม และกันการสะเทือนได้ดี นิยมใช้ในงานขนย้ายเซรามิก, เครื่องจักรที่มีความบอบบางและน้ำหนักไม่มาก หรือผัก ผลไม้ที่เกิดการช้ำได้ง่าย, รถเข็นในโรงพยาบาล กล่องพลาสติก อุปกรณ์ในการจัดเก็บเครื่องมือและสินค้า จุดประสงค์เพื่อให้ขนย้ายได้ง่าย จัดเก็บสินค้าได้เป็นระเบียบ ช่วยแบ่งสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ สามารถหยิบใช้ได้สะดวก ป้องกันการกัดแทะของแมลงต่าง ๆ ป้องกันฝุ่น และยังช่วยรักษาคุณภาพของเครื่องมือและสินค้าไม่ให้เสื่อมคุณภาพ กล่องพลาสติกของ Jenstore ผลิตจากพลาสติกเกรด A ไม่มีกลิ่นฉุน มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถวางซ้อนกันได้ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ มีฝาปิด มีตัวล็อค มีทั้งแบบทึบและแบบใส บางรุ่นมีล้อเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนที่ สามารถวางซ้อนกันได้และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ลังพลาสติก มีจุดประสงค์ในการใช้งานเหมือนกับกล่องพลาสติก แต่ลังพลาสติกมีหลากหลายรูปแบบในการใช้งานมากกว่าเพื่อให้รองรับสินค้าที่มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ลังพลาสติกพับได้ที่สามารถพับเก็บได้ทำให้ประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้ถึง 75% บางรุ่นสามารถเปิดด้านข้างของลังพลาสติกเพื่อหยิบสินค้าออกมาใช้งานได้ถึงแม้จะวางลังพลาสติกซ้อนกัน นอกจากนี้ยังมีลังพลาสติกสำหรับใส่ผัก ผลไม้ที่มีรูอยู่รอบ ๆ ลังพลาสติก เพื่อให้ระบายอากาศช่วยรักษาความสดใหม่ของผักและผลไม้สามารถวางซ้อนกันได้ โดยที่ไม่ทำให้ผักหรือผลไม้ช้ำ หรือลังพลาสติกอเนกประสงค์ที่ฝาปิด-เปิดเป็นแบบซิกแซกจึงง่ายต่อการใช้งานซึ่งใช้ในการเก็บสินค้าได้หลายประเภท ลังพลาสติกของ Jenstore ผลิตจากเม็ดพลาสติก HDPE คุณภาพสูงหรือพลาสติกเกรด A ไม่มีกลิ่นฉุน มีโครงสร้างแข็งแรง รับน้ำหนักได้มาก มีทั้งแบบที่มีฝาปิดและไม่มีฝาปิด มีหลายสีให้เลือกใช้งาน ชั้นวางสินค้า เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการใช้จัดเก็บสินค้าและอุปกรณ์ โดยช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บในแนวสูงให้จัดเก็บได้มากยิ่งขึ้น สามารถแยกหมวดหมู่สินค้าได้ง่าย ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน และลดความผิดพลาดที่เกิดจากการหยิบสินค้าผิดได้ โดยเฉพาะในคลังสินค้า, โกดังสินค้า, สำนักงาน หรือร้านค้าที่ใช้ทั้งจัดเก็บสินค้าและใช้โชว์สินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ชั้นวางสินค้าจาก Jestore Shop ช่วยตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี และมีมาตรฐานตามชั้นวางสินค้าสำหรับอุตสาหกรรม เนื่องจากโครงสร้างผลิตจากเหล็กคุณภาพสูงและพ่นสีเคลือบเพื่อเพิ่มความทนทานให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น มีดีไซน์สวยงาม สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำของชั้นวางสินค้าได้ตามที่ต้องการ มีคานยึดเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงและเพิ่มความสามารถในการรองรับน้ำหนัก ส่วนด้านล่างมีพลาสติกรองขาเพื่อช่วยในการกันลื่นและปกป้องพื้นผิวไม่ให้เกิดรอย ชิ้นส่วนประกอบได้ง่ายจึงขนย้ายสะดวก ชั้นวางสินค้าที่มีจำหน่ายใน Jestore Shop มีทั้งแบบชั้นวางของเหล็ก, ชั้นวางของตะแกรงลวด, ชั้นวางเสาเรียบ และชั้นวางพัสดุทั่วไป โต๊ะทำงาน เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ต้องมีเพื่อสร้างความเป็นสัดส่วนในการทำงาน สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจัดเก็บสิ่งของของพนักงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทหรือองค์กร โต๊ะทำงานงานของ Jestore Shop ผลิตทั้งจากไม้และเหล็ก ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ออกแบบดีไซต์สวยงาม พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน เช่น มีลิ้นชักเพื่อใช้เก็บอุปกรณ์ในการทำงาน ระบบล็อคลิ้นชักทั้งแบบอัตโนมัติและแบบแมนนวลเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สิน มีช่องร้อยสายไฟและรางสายไฟเพื่อให้สะดวกและสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการใช้งาน บางรุ่นขาปรับระดับความสูงได้ โต๊ะทำงานจาก Jenstore Shop เป็นแบรด์ระดับพรีเมี่ยมผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐานพร้อมการรับประกันคุณภาพของแท้ 100% เก้าอี้สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ช่วยสร้างความสะดวกสบายในการทำงาน เพราะพนักงานออฟฟิศต้องนั่งทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวันบางบริษัทอาจนั่งทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมากโดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม เก้าอี้สำนักงานจึงต้องออกแบบมาเพื่อรองรับการนั่งที่ยาวนานที่ไม่สร้างความเมี่อยล้าและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เก้าอี้สำนักจาก Jestore Shop สามารถตอบโจทย์สำหรับการนั่งนาน ๆ ได้เป็นอย่างดี มีการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ที่ใช้งานที่มีความสูงและขนาดร่างกายที่แตกต่างกัน สามารถปรับระดับได้ทั้งความสูงของเก้าอี้, ที่รองคอ, ที่วางแขน หรือปรับเอนและล็อคตำแหน่งการเอนได้ บางรุ่นเสริม Lumbar Protection Support ช่วยรองรับแผ่นหลังที่สามารถปรับระดับและปรับความลึกได้ โครงสร้างผลิตจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ทนทาน วัสดุที่ใช้ห่อหุ้มเก้าอี้มีทั้งแบบเป็นหนัง ตาข่าย และผ้าเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามที่ต้องการ นอกจากนั้น Jenstore Shop ยังผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิที่ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรมและงานทางการแพทย์, รถลากพาเลท, อุปกรณ์เซฟตี้, เครื่องมือช่าง, อุปกรณ์แพ็คสินค้า, อุปกรณ์สำหรับสำนักงาน ฯลฯ ซึ่ง Jenstore Shop จำหน่ายสินค้าที่ครอบคลุมทุกประเภท เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถเลือกซื้อได้ครบจบที่ Jenstroe Shop ในที่เดียว หากลูกค้ามีข้อสงสัยในรายละเอียดสินค้าสามารถทักแชทได้ที่หน้าเว็บไซต์หรือติดต่อสอบถามได้ที่ช่องทางด้านล่าง เพื่อให้การสั่งซื้อของคุณเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด สนใจสินค้าติดต่อเรา Jenstore Shop ร้านค้าช้อปปิ้งออนไลน์อุปกรณ์อุตสาหกรรมแบบครบวงจร Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected] บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-04-05
เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ มีการใช้งานและประสิทธิภาพเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?

เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ มีการใช้งานและประสิทธิภาพเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ ความเหมือนที่แตกต่าง ในช่วง 2-3 ปีมานี้โลกต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สามารถแพร่เชื้อได้ผ่านละอองน้ำมูก น้ำลายจากจมูกหรือปากที่เกิดจากการไอหรือจามของผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถมีชีวิตอยู่ภายนอกได้ตั้งแต่เป็นนาทีจนไปถึงเป็นเดือนขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นผิวและระดับความชื้นที่เชื้อไวรัสโควิด-19 อาศัยอยู่ จึงมีการวิจัยเพื่อพยายามค้นหาวิธีการทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อลดการแพร่กระจาย โดยพบว่าแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไปสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและฆ่าเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 จึงนำมาผลิตเป็นเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปสามารถนำไปป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ จึงทำให้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์มีความต้องการเป็นจำนวนมาก เดิมทีการใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์มีมานานแล้วเพื่อใช้ทำความสะอาดสิ่งของต่าง ๆ หรือทำความสะอาดมือนิยมใช้ในโรงพยาบาลไม่ได้มีการใช้อย่างแพร่หลาย จนเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์เป็นไอเทมสำคัญที่ทุกคนต้องพกติดตัว และทุกสถานที่ต้องมีตั้งไว้หน้าประตูทางเข้าหรือในห้องน้ำเพื่อใช้ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดมีข้อดีคือไม่ต้องล้างออกทำให้สะดวกในการใช้งาน แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างของเนื้อสัมผัสซึ่งทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยในการเลือกใช้งาน ว่าควรเลือกชนิดไหนที่จะมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด วันนี้เราจึงจะมาไขข้อข้องใจความแตกต่างของเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์รวมไปถึง ต้นกำเนิด การใช้งานของแอลกอฮอล์ทั้ง 2 ชนิด และข้อควรระวังในการใช้งานเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ต้นกำเนิดของเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ผลิตมาจากเอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์ที่เกิดจากการนำพืชมาหมักเพื่อให้ได้น้ำตาลและนำเอนไซม์หรือกรดบางชนิดมาช่วยย่อยเพื่อให้ได้แอลกอฮอล์และนำมากลั่นเพื่อให้ได้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95% ซึ่งแอลกอฮอล์ชนิดนี้สามารถนำมาใช้กับร่างกายมนุษย์ได้ นอกจากจะใช้ในการผลิตเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์แล้วยังใช้ในผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น เป็นส่วนผสมในยารับประทาน, สุราหรือเครื่องดื่มประเภทของมึนเมา, ทิชชู่เปียก เป็นต้น สำหรับการนำเอทิลแอลกอฮอล์มาใช้ในการผลิตเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ต้องเจือจางให้เอทิลแอลกอฮอล์มีความเข้มข้นลดลงให้อยู่ประมาณ 70-80% เพื่อให้แอลกอฮอล์ไม่ระเหยเร็วจนเกิดไป ติดอยู่บนพื้นผิวได้นานมากยิ่งขึ้น และมีปริมาณน้ำที่เพียงพอที่เชื้อโรคจะดูดซึมและทำให้แอลกอฮอล์สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น เจลแอลกอฮอล์ ช่วยให้มือปราศจากเชื้อโรค เจลแอลกอฮอล์มีส่วนประกอบของสารที่ทำให้เกิดสภาพเจล เช่น Carbomer ที่ทำให้สัมผัสของเจลแอลกอฮอล์มีความหนืดหนียวเพื่อให้เจลแอลกอฮอล์คงอยู่ในสภาวะทั่วไปได้นานมากยิ่งขึ้น มีการระเหยที่ช้าลงซึ่งเจลแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่นิยมใช้สำหรับทำความสะอาดมือ จึงทำให้มีสารประกอบอย่างอื่นเพื่อให้เหมาะสมในการใช้งาน เช่น สารให้ความชุ่มชื้นลดการแห้งของผิวและช่วยลดการระคายเคืองอย่างว่านหางจระเข้, tea tree oil และกลีเซอรีน บางยี่ห้อมีเพิ่มสีและกลิ่นเพื่อเพิ่มความน่าใช้งานให้มากยิ่งขึ้น แต่การใช้เจลแอลกอฮอล์ก็มีข้อควรระวังคือห้ามใช้บริเวณเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ใบหน้าและดวงตาเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ การใช้งานเจลแอลกอฮอล์อย่างถูกต้องควรถูให้ทั่วมือและปล่อยทิ้งไว้สัก 20-30 วินาทีจะระเหยไปเองโดยที่ไม่ต้องล้างน้ำ เจลแอลกอฮอล์เหมาะสำหรับใช้ในกรณีที่ไม่สะดวกในการล้างมือด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามหากมือมีคราบสกปรกที่เห็นได้ชัดควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่แทนการใช้เจลแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยที่ถูกต้อง สเปรย์แอลกอฮอล์ ครอบคลุมทุกการใช้งาน สเปรย์แอลกอฮอล์มีเนื้อสัมผัสที่เป็นของเหลวเหมือนน้ำมีการระเหยที่เร็วกว่าเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งสเปรย์แอลกอฮอล์สามารถใช้งานได้ทั้งการฉีดเพื่อทำความสะอาดมือซึ่งมีการเพิ่มส่วนประกอบของกลีเซอรีนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว หรือเติมน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำมันแต่งกลิ่นเพื่อให้กลิ่มหอมน่าใช้ และฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ลงบนสิ่งของหรือพื้นผิวต่าง ๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคโดยควรทิ้งไว้ก่อน 30 วินาทีจึงค่อยนำใช้งาน โดยมีข้อควรระวังคือควรฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ในสถานที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี และไม่ควรฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ในที่แคบเพื่อลดการฟุ้งกระจายของสเปรย์แอลกอฮอล์จนทำให้เข้าใบหน้า ดวงตา และเกิดการสูดดม อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและแสบร้อนได้ วิธีการใช้ด้วยเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์อย่างถูกวิธี การทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์เพียงถูมือไปมายังไม่สามารถปกป้องมือจากเชื้อโรคได้ เพราะอาจมีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่ตามจุดซ้อนเร้นเล็ก ๆ ของมือ ซึ่งขั้นตอนการใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ที่ถูกต้อง มีดังนี้ กดเจลแอลกอฮอล์หรือฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ลงบนฝ่ามือ ถูฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน ถูหลังมือข้างซ้ายด้วยฝ่ามือข้างขวาและประสานนิ้วเข้าไปถูซอกนิ้วทำสลับกับมืออีกข้าง ถูฝ่ามือและซอกนิ้วด้านในฝ่ามือด้วยนิ้วที่ประสานกัน กำมือข้างหนึ่งและใช้หลังนิ้วถูฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง ถูนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายโดยใช้ฝ่ามือข้างขวาที่ประสานกันกำวนรอบและหมุนวนทำสลับกับนิ้วหัวแม่มืออีกข้าง ถูฝ่ามือซ้ายด้วยนิ้วมือขวาที่ประสานกันวนไปข้างหลังและข้างหน้า ทำสลับกับฝ่ามืออีกข้าง ข้อควรระวังในการใช้และเก็บรักษาเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจึงสามารถติดไฟได้ควรหลีกเลี่ยงเปลวไฟในขณะใช้งานโดยเฉพาะผู้สูบบุหรี่ ไม่ควรใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์กับมือเด็กทารกหรือบริเวณผิวที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา บริเวณที่มีผิวอักเสบ มีสิว มีบาดแผล จะทำให้เกิดการระคายเคืองได้  หากใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์เป็นครั้งแรกควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้งาน โดยการทาหรือฉีดผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณท้องแขนและทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากมีผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อน บวม ให้หยุดใช้ทันที หากใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ในปริมาณที่น้อยเกินไปจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการฆ่าเชื้อโรค ควรปิดฝาของเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ให้สนิท ไม่เก็บไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดหรือความร้อน เช่น ในรถยนต์ เพราะจะท้าให้แอลกอฮอล์ระเหยและความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อาจลดลงทำให้เสื่อมคุณภาพและลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค  ควรเลือกใช้เจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีฉลากติดไว้ชัดเจน มีระบุวันหมดอายุ ควรเก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็กเพื่อระวังเด็กกินเจลแอลกอฮอล์หรือฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์เข้าใบหน้า เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ไม่สามารถช่วยกำจัดสารเคมีที่ติดอยู่ที่มือหรือสิ่งของได้ เช่น ยาฆ่าแมลง ในกรณีที่มือสกปรกมาก มีความเปียกชื้นสูง หรือมีความมัน เช่น หลังการเล่นกีฬา ทำสวน หรือจับอาหาร ควรล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่แล้วค่อยใช้เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดมืออีกครั้ง การใช้งานเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเจลหรือของเหลวก็มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้เท่าเทียมกันเพราะผลิตจากสารตั้งต้นตัวเดียวกัน ซึ่้งประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคของผลิตภัณฑ์ทั้งสองขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานอย่างถูกต้องและการเก็บรักษาอย่างถูกวิธีจึงจะสามารถช่วยทำลายและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ Jenstore by Jenbunjerd จำหน่ายสเปรย์แอลกอฮอล์, เจลแอลกอฮอล์, แอลกอฮอล์ 70%, เครื่องพ่นแอลกอฮอล์อัตโนมัติ, เครื่องจ่ายแอลกอฮอล์ล้างมือประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล ยกระดับความปลอดภัยจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มีบริการให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญพร้อมบริการหลังการขายจากทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำแนะนำกับสินค้าเพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้สินค้าตรงตามความต้องการมากที่สุด สนใจเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ ติดต่อเรา Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected] บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] LINE Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2023-04-05
×
สายด่วนสั่งซื้อสินค้า บริการจัดหาสินค้า สินค้าสั่งทํา 02 096 9999
บริการหลังการขาย 02 096 9898
ต่อ 3102-3103
ไลน์ @jenstore
เวลาทําการ 08.30 - 17.30 น.
Copy to Clipboard