พาเลทกระจายสินค้า : พาเลทพลาสติก

พาเลทกระจายสินค้า พาเลทพลาสติก

จำหน่าย แพลเลท พาเลทพลาสติก ลังอเนกประสงค์ ใช้งานง่าย แข็งแรง คุณภาพสูง

เจนบรรเจิด ผู้ผลิตและจำหน่ายแพลเลทอุปกรณ์จัดเก็บ พาเลทพลาสติก ลังอเนกประสงค์ อุปกรณ์จัดเก็บสินค้า มีคุณสมบัติเด่นชัด เรื่องความ แข็งแรง ทนทาน ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม น้ำหนักเบา สามารถซ้อนกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหาย ผลิตจากพลาสติกฉีดขึ้นรูปเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น สินค้าคุณภาพ ร้องรับน้ำหนักได้ดี สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะทั้งการโยกย้ายสิ่งของและจัดเก็บ เหมาะสำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมและโรงงาน ใช้งานร่วมกับรถยกชนิดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกหลากหลายรูปทรง หลากหลายขนาด หมดกังวลปัญหาปลวกหรือมอด ทั้งยังสามารถจัดเก็บได้ง่าย ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ

พาเลทพลาสติกและพาเลทเหล็ก ตัวช่วยทำงานที่มีคุณภาพของธุรกิจ

พาเลทกระจายสินค้า อุปกรณ์ที่ถูกนำไปใช้งานกับธุรกิจหลายรูปแบบที่ต้องมีการผลิตสินค้า หรือจัดเก็บวัตถุดิบต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม โกดัง หรือแม้แต่ตามสถานที่อื่น เช่น โรงเก็บผลผลิตการเกษตร สโตร์ในห้าง มินิมาร์ท โรงแรม และโดยเฉพาะธุรกิจด้านการขนส่ง ซึ่งประเภทของพาเลทที่ใช้งานก็มีหลายรูปแบบโดยเฉพาะ “พาเลทพลาสติก” และ “พาเลทเหล็ก” เป็นพาเลท 2 ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน

ประเภทของพาเลทที่นิยมใช้งาน

1. พาเลทพลาสติก

หากบอกว่าพาเลทพลาสติกคือประเภทของพาเลทกระจายสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคงไม่ใช่เรื่องผิดนัก ผลิตจากเม็ดพลาสติก PP หรือ HDPE ผ่านการขึ้นรูปด้วยเครื่องฉีดขนาดใหญ่ระดับ 2,500 ตันขึ้นไป ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการควบคุม

2. พาเลทเหล็ก

พาเลทอีกประเภทที่มาแรงไม่แพ้กัน การผลิตจะนำเหล็กมาตัดตามขนาดความกว้าง ความยาวให้เท่ากับพาเลททั่วไปจากนั้นจึงนำชิ้นส่วนประกอบเข้าด้วยกัน อารมณ์จะคล้ายการทำพาเลทไม้แต่เปลี่ยนเป็นเหล็กแทน จึงแข็งแรงมากแต่น้ำหนักจะมากกว่าพาเลทชนิดอื่น

3. พาเลทไม้

เป็นประเภทพาเลทที่ใช้มาอย่างยาวนานแต่ปัจจุบันลดความนิยมลงพอสมควร เนื่องจากไม่เหมาะกับการเจอน้ำและความชื้น มีปัญหาเรื่องปลวก มอด มีเสี้ยน รวมถึงบางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้พาเลทไม้ขนส่งเข้าประเทศ เช่น จีน แต่ก็มีข้อดีด้านต้นทุนถูก รับน้ำหนักได้เยอะ มักผลิตจากไม้ยางพารา

4. พาเลทกระดาษ

มักทำจากกระดาษลูกฟูกสำหรับใช้ส่งออกแทนพาเลทไม้ แต่รับน้ำหนักไม่ดี ไม่เหมาะกับการใช้ในพื้นที่มีน้ำและความชื้น ต้นทุนก็สูงกว่าไม้ด้วย

ข้อดีของการใช้งานพาเลทพลาสติก

อย่างที่อธิบายไปว่าพาเลทพลาสติกได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ซึ่งข้อดีหลัก ๆ ของธุรกิจที่เลือกใช้พาเลทกระจายสินค้าประเภทนี้ ได้แก่

• แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดี
• น้ำหนักเบา ขนย้ายง่าย ไม่เพิ่มน้ำหนักสินค้า
• ปลอดภัยจากปัญหาปลวก มอด น้ำ ความชื้น และเชื้อรา ทนต่ออุณหภูมิติดลบ
• ไม่ต้องกังวลเรื่องเสี้ยนเหมือนกับพาเลทไม้
• สามารถส่งออกได้ทุกประเทศ 

ข้อดีของการใช้งานพาเลทเหล็ก

ขณะที่พาเลทเหล็กก็ตอบโจทย์ในหลาย ๆ ด้านจึงไม่แปลกที่หลายธุรกิจตัดสินใจใช้งาน โดยขอสรุปให้ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้

• แข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดีมาก
• ใช้งานได้ยาวนานกว่าพาเลทประเภทอื่น ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย
• ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาปลวก มอด เชื้อรา เสี้ยน
• ไม่ลามไฟ

การเลือก พาเลท (Pallet) ที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากต่อ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และต้นทุนในการดำเนินงาน ไม่ว่าคุณจะใช้งานในคลังสินค้า ภาคอุตสาหกรรม หรือจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศ พาเลทที่มีอยู่หลากหลายประเภททั้ง พาเลทพลาสติก พาเลทเหล็ก หรือพาเลทจากวัสดุอื่นๆ ถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบโลจิสติกส์ เราจะมาแนะนำหลักการเลือกพาเลทอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำและคุ้มค่ามากที่สุด 

1. ประเมินรูปแบบด้านการใช้งานให้ชัดเจน

ก่อนจะเลือกประเภทพาเลท ควรเริ่มจากการวิเคราะห์ลักษณะการใช้งานจริง

• น้ำหนักและขนาดของสินค้า

ก่อนเลือกพาเลท ควรพิจารณาทั้ง น้ำหนักของสินค้า และ ขนาดของพาเลท ให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานจริง เพื่อความปลอดภัยในการขนย้ายและจัดเก็บ น้ำหนักสินค้า ควรพิจารณาน้ำหนักใน 2 รูปแบบหลัก ได้แก่

• Static Load (น้ำหนักขณะอยู่นิ่ง):
  หมายถึงน้ำหนักรวมที่พาเลทรองรับได้เมื่อวางอยู่กับที่ เช่น เมื่อวางพาเลทที่มีสินค้าเรียงซ้อนกันโดยไม่เคลื่อนย้าย ค่านี้สำคัญหากคุณจัดเก็บพาเลทแบบซ้อนในคลัง
• Dynamic Load (น้ำหนักขณะเคลื่อนย้าย):
  หมายถึงน้ำหนักที่พาเลทรองรับได้ขณะถูกเคลื่อนย้ายด้วยอุปกรณ์ เช่น แฮนด์ลิฟท์หรือโฟล์คลิฟท์ ค่านี้สำคัญเมื่อต้องขนย้ายสินค้าทั่วคลังหรือระหว่างจุดโหลด

เลือกพาเลทที่สามารถรองรับทั้งน้ำหนักแบบ Static และ Dynamic ได้อย่างปลอดภัยตามลักษณะการใช้งานจริง เพื่อลดโอกาสในการแตกร้าวหรือเกิดอุบัติเหตุ

• การเข้ากันได้กับอุปกรณ์ขนย้าย
  Pallet ควรใช้งานได้ดีกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ เช่น แฮนด์ลิฟท์ไฟฟ้า, สแตกเกอร์, โฟล์คลิฟท์หรือ ระบบขนย้ายอัตโนมัติพาเลทแต่ละรุ่นมีช่องยกที่แตกต่างกัน ควรเลือกให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้จริง
• สภาพแวดล้อมในการใช้งาน
  พาเลทจะถูกใช้ในพื้นที่เปิดหรือในร่ม เดินทางด้วยรถบรรทุกหรือขนส่งทางเรือ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเลือกวัสดุ เช่น ควรใช้พาเลทพลาสติกหรือพาเลทเหล็กในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
• ข้อกำหนดสำหรับการส่งออก (มาตรฐาน ISPM 15)
  หากมีการส่งออกต่างประเทศ พาเลทไม้ต้องผ่านการอบความร้อนหรือรมยา หรือสามารถเลือกใช้พาเลทวัสดุอื่น เช่น พาเลทพลาสติก

2. ทำความเข้าใจกับวัสดุของพาเลทแต่ละประเภท

• พาเลทไม้ (Wooden Pallet)
  ราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับงานขนส่งแบบครั้งเดียว หรือการใช้งานทั่วไป แต่ต้องดูแลเรื่องความชื้นและเชื้อรา
• พาเลทพลาสติก (Plastic Pallet)
  พาเลทพลาสติกมีความทนทาน ไม่เป็นเชื้อรา ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับอุตสาหกรรมอาหาร ยา และโรงงานที่ต้องการความสะอาด
• พาเลทเหล็ก หรือพาเลทโลหะ (Steel Pallet)
  พาเลทเหล็กมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ เหมาะกับงานหนักและคลังสินค้าที่มีการยกวางบ่อยครั้ง
• พาเลทแบบ Stringer และ Block
  • Stringer: น้ำหนักเบา เข้าทางได้ 2 หรือ 4 ด้าน เหมาะกับงานทั่วไป
  • Block: รองรับน้ำหนักมาก เข้าทางได้ 4 ด้าน เหมาะกับระบบอัตโนมัติ

3. ประเมินความทนทานและอายุการใช้งาน

• ความทนทาน
  หากต้องใช้งานพาเลทซ้ำหลายรอบ ควรเลือกพาเลทที่ทนแรงกระแทกและไม่บิดงอง่าย เช่น พาเลทพลาสติกหรือพาเลทเหล็ก
• อายุการใช้งาน
  พาเลทไม้อาจใช้งานได้ไม่นานนัก ส่วนพาเลทพลาสติกหรือพาเลทเหล็กใช้งานได้นานหลายปี ช่วยลดต้นทุนในระยะยาว

4. เปรียบเทียบต้นทุนกับความคุ้มค่า

• ไม่ใช่แค่ราคาซื้อ แต่รวมถึงต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน
  พาเลทราคาถูก เช่น พาเลทไม้อาจดูคุ้มค่าในตอนแรก แต่หากต้องเปลี่ยนบ่อย ก็สิ้นเปลืองมากกว่าในระยะยาว อาจพิจารณาใช้พาเลทพลาสติกที่มีอายุการใช้งานได้นานกว่า
• ความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
  พิจารณาใช้พาเลทที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เช่น พาเลทพลาสติก หรือร่วมโครงการรับคืนเพื่อลดขยะในธุรกิจคุณ

5. รายละเอียดเล็กน้อยที่สร้างความแตกต่าง

• การวางซ้อน (Stackability)
  ในคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด หรือมีความจำเป็นต้องจัดเก็บสินค้าหลายระดับ การวางพาเลทที่มีสินค้าซ้อนกันถือเป็นแนวทางสำคัญในการประหยัดพื้นที่จัดเก็บ แต่ต้องเลือกพาเลทที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ แรงกดจากการซ้อน (Stack Load) ได้อย่างปลอดภัย โครงสร้างของพาเลทต้องแข็งแรง มั่นคง และเหมาะกับลักษณะการใช้งาน ดังนี้:
• พาเลทพลาสติกแบบรองรับการวางซ้อนสินค้า (Stackable Plastic Pallet)
  พาเลทพลาสติกบางรุ่นออกแบบมาให้สามารถวางซ้อนกันขณะมีสินค้าอยู่บนพาเลทได้อย่างปลอดภัย โดยมีฐานแข็งแรงและโครงสร้างรองรับแรงกดจากด้านบน หลายรุ่นเสริมด้วย ลูกยางกันลื่น (Anti-slip) เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างสินค้ากับพื้นผิวพาเลท ช่วยป้องกันไม่ให้สินค้าบนพาเลทลื่นหรือหลุดระหว่างการซ้อนหรือเคลื่อนย้าย
• พาเลทแบบสองหน้า (Double-Face Pallet)
  มีพื้นรองรับทั้งด้านบนและล่าง ทำให้กระจายน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับวางพาเลทที่มีสินค้าซ้อนกันหลายชั้นโดยไม่ต้องใช้ชั้นวาง รองรับน้ำหนักมากและลดโอกาสเกิดการโก่งงอของพาเลทชั้นล่าง
• พาเลทแบบ Block Pallet
  มีโครงสร้างแข็งแรง ใช้วัสดุเต็มแผ่นและเสริมฐานรองรับน้ำหนัก เหมาะกับการวางซ้อนในแนวสูงและการใช้งานหนักในคลังสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยสูง

ข้อควรระวัง: การวางพาเลทที่มีสินค้าซ้อนกันหลายชั้น ต้องตรวจสอบค่า Stack Load ของพาเลทแต่ละรุ่นให้ชัดเจน และควรใช้ฟิล์มห่อพาเลทหรือสายรัดเพื่อเสริมความมั่นคงระหว่างชั้น

• การใช้งานกับชั้นวาง (Rackability)
  พาเลทแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นพาเลทพลาสติกหรือพาเลทเหล็ก ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้วางบนชั้นวางได้ทั้งหมด ควรเลือกตามลักษณะงานของคุณ:
• พาเลทหน้าเดียว (Single-Face Pallet)
  เหมาะกับงานทั่วไป เช่น การวางบนพื้นหรือการขนส่ง แต่ ไม่เหมาะกับการวางบนชั้นวางแบบมีช่องโล่ง (Beam Rack) เพราะไม่มีฐานรับน้ำหนักด้านล่าง อาจทำให้พาเลทโก่งหรือหล่นได้หากรับน้ำหนักมากโดยไม่มีจุดพยุง
• พาเลทสองหน้า (Double-Face Pallet)
  มีพื้นทั้งด้านบนและล่าง แข็งแรงกว่า เหมาะกับการวางบนชั้นวาง (Racking System) โดยเฉพาะในคลังสินค้าที่ต้องจัดเก็บสินค้าหลายระดับ
• พาเลทเสริมเหล็ก (Steel-Reinforced Pallet) 

พาเลทบางรุ่น โดยเฉพาะพาเลทพลาสติกหรือไม้รุ่น Heavy-Duty จะมีการฝังโครงเหล็กเสริมภายใน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการรับน้ำหนักบนชั้นวางแบบไม่มีแผ่นรอง (Beam Rack) เหมาะกับงานที่ต้องจัดเก็บสินค้าหนัก หรือวางบนชั้นสูงหลายระดับ เช่น คลังสินค้าอุตสาหกรรม, ระบบ High Bay Racking หรือสินค้าที่มีจุดศูนย์ถ่วงไม่สมดุล โครงเหล็กที่อยู่ในพาเลทพลาสติกจะช่วยลดความเสี่ยงในการโก่งหรือล้ม และยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น แม้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความถี่ในการขนย้ายสูง

หากวางบนชั้นวางสูง ควรพิจารณาค่า “Racking Load” เพิ่มเติม ซึ่งคือน้ำหนักสูงสุดที่พาเลทรับได้เมื่อวางบนแร็คที่ไม่มีแผ่นรองด้านล่าง เพื่อความปลอดภัยและมั่นคงในระบบจัดเก็บ

• การยกพาเลทอย่างปลอดภัย
  เพื่อความปลอดภัยในการขนย้าย นอกจากการเลือกใช้พาเลทพลาสติกมาตรฐานเพื่อช่วยป้องกันความเสียหายต่อสินค้าแล้ว ควรเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยที่เหมาะสมกับลักษณะงานแทนการยกด้วยแรงงานคนโดยตร
  • ใช้อุปกรณ์ยกพาเลทที่เหมาะสม 
    • เลือกใช้ แฮนด์ลิฟท์, โฟล์คลิฟท์ หรือ อุปกรณ์ยกอัตโนมัติ ตามน้ำหนักและประเภทของพาเลท
    • ตรวจสอบว่า พาเลทรองรับการเข้ายกได้กี่ด้าน และใช้ทิศทางยกให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเสียหายของขาและโครงสร้างพาเลท
    • หลีกเลี่ยงการลากพาเลทบนพื้นหยาบ หรือพื้นที่ที่ไม่เรียบ เพราะอาจทำให้พาเลทพลาสติกบิ่น แตก หรือเสียรูป
    • หากใช้กับโฟล์คลิฟท์ ควร ปรับระยะงาของรถยกให้พอดีกับความกว้างพาเลท เพื่อกระจายน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ และลดแรงกดในจุดใดจุดหนึ่ง
  • ตรวจสอบสเปคก่อนใช้งาน
    • รู้ค่ารับน้ำหนักของพาเลทแต่ละแบบ เช่น Static / Dynamic / Racking Load
    • ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้ยกสามารถรองรับน้ำหนักพาเลทและสินค้าได้ทั้งหมดอย่างปลอดภัย
  • ตรวจสอบพาเลทก่อนใช้งาน
    • อย่าใช้งานพาเลทที่มีรอยร้าว ขอบแตก หรือเสียรูป เพราะอาจพังขณะยกหรือจัดเก็บ
    • พาเลททุกชนิดทั้งพาเลทพลาสติกหรือพาเลทเหล็กที่ชำรุดควรถูกคัดแยกออกจากการใช้งานทันที

การใช้อุปกรณ์ยกอย่างถูกวิธี ร่วมกับการเข้าใจคุณสมบัติของพาเลทแต่ละประเภท คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดอุบัติเหตุ และยืดอายุการใช้งานของพาเลทในระบบคลังสินค้า

Pallet ที่เหมาะสม = ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ

การเลือกพาเลทที่ถูกต้องไม่ใช่แค่เรื่องต้นทุน แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ความยั่งยืน และความคล่องตัวของธุรกิจ หากคุณกำลังมองหาพาเลทพลาสติกและพาเลทเหล็กที่เหมาะกับงานของคุณ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเจนสโตร์ จากเจนบรรเจิด พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำอย่างตรงจุด

มั่นใจเลยว่าการเลือกใช้พาเลทพลาสติกและพาเลทเหล็กสำหรับการเป็นพาเลทกระจายสินค้าจะช่วยสร้างความคุ้มค่าได้อย่างแน่นอน หากสนใจถังม็อบถูพื้น Jenstore by Jenbunjerd ผู้จัดจำหน่ายพาเลทพลาสติก พาเลทเหล็ก รวมถึงอุปกรณ์จัดเก็บสินค้าอื่น ๆ เช่น ลังตะแกรงเหล็กพับได้ ชั้นวางสินค้า ลังพลาสติกขนาดใหญ่ ช่วยให้การขนย้ายและจัดเก็บง่ายกว่าเดิม

ติดต่อสายด่วนสำหรับสั่งซื้อสินค้า จัดหาสินค้า หรือสินค้าสั่งทำได้ที่ 02-0969999, ติดต่อบริการหลังการขายได้ที่ 02-0969898 ต่อ 3102-3103 หรือที่ LINE: @jenstore ที่ JenStore เรามีการรับประกัน ของแท้ 100% ครบจบในที่เดียว เราพร้อมให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในเรื่องข้อมูลสินค้า วิธีการสั่งซื้อและจัดส่ง JenStore บริการด้วยความใส่ใจทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อให้การสั่งซื้อของคุณเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ :

ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย)

Email : [email protected]

บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103

Email : [email protected]

LINE Official Account: @jenstore

Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd