Please wait...

E-catalogue
สายด่วน
0
0
คุณไม่มีรายการสินค้าในตะกร้าของคุณ
×

มาตรฐานและการใช้งานพาเลทพลาสติกแต่ละประเภท

พาเลทพลาสติก เลือกใช้ให้ถูกต้อง มีมาตรฐาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน

พาเลทพลาสติก คือ อุปกรณ์ที่ในการรองรับสินค้าเพื่อให้มีความสะดวกในการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ และขนส่งสินค้า พาเลทพลาสติก จึงต้องมีความแข็งแรงและทนทานเพื่อให้สามารถรองรับงานหนัก ๆ ได้ รวมไปถึงคุณสมบัติเพิ่มเติมต่าง ๆ ที่จะช่วยให้สามารถใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน สามารถทนทานต่ออุณหภูมิต่ำได้ดี ซึ่งพาเลทพลาสติกที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเหมาะสมในการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหาร นอกจากนั้นการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ถูกนำเข้าไปในประเทศนั้น ๆ ยังต้องมีมาตรฐานตามที่แต่ละประเทศมีการ กำหนดเอาไว้ จึงทำให้พาเลทพลาสติกต้องมีคุณภาพและมาตรฐานเพื่อเป็นการการันตีความปลอดภัยในการใช้งาน รวมไปถึงการใช้งานที่ถูกต้องเนื่องจากพาเลทพลาสติกมีหลายประเภท มีความแตกต่างในการใช้งานร่วมกับเครื่องมือที่ใช้ในการเคลื่อนย้าย การเลือกใช้งานพาเลทพลาสติกได้อย่างถูกต้องและมีมาตรฐานจะช่วยให้การใช้งานมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้

ตัวอย่างมาตรฐานพาเลทพลาสติก ที่ควรมี!

  1. มาตรฐาน GMP สำหรับพาเลทพลาสติกที่ต้องใช้ในอุตสาหกรรมอาหารควรผ่านมาตรฐาน GMP ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นพื้นฐานของอุตสาหกรรมอาหาร GMP เป็นหลักเกณฑ์ของการผลิตอาหารที่ดีในทุกขั้นตอน โดยเริ่มตั้งแต่การก่อสร้างอาคารจนถึงการจัดส่งสินค้าเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการปนเปื้อนในอาหารและทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นพิษซึ่งเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารจึงต้องผ่านมาตรฐานของ GMP ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงพาเลทพลาสติกเพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีความใกล้ชิดกับบรรจุภัณฑ์อาหารเมื่อมีการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ หรือขนส่ง ซึ่งตามมาตรฐาน GMP อุปกรณ์ที่จะผ่านมาตรฐานควรเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน ไม่เป็นสนิม มีความแข็งแรง ทนทานในการใช้งาน สะอาด และถูกสุขอนามัย เพื่อลดอันตรายต่าง ๆ ที่จะก่อให้เกิดการปนเปื้อนด้านกายภาพ จุลินทรีย์และเคมีในผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อให้อาหารนั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  2. มาตรฐาน HACCP เป็นระบบประกันคุณภาพที่สูงกว่า GMP ซึ่งเป็นระบบการจัดการคุณภาพด้านความปลอดภัย ที่ครอบคลุมถึงการป้องกันอันตรายที่มาจาก 3 สาเหตุ คืออันตรายทางชีวภาพ เช่น อันตรายจากเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคหรือสารพิษ, อันตรายจากสารเคมี เช่น, สารเร่งการเจริญเติบโต, สารกันบูด และอันตรายทางกายภาพ เช่น เศษพลาสติก, เศษแก้ว เศษกระจก, เศษไม้ ซึ่งในกระบวนการผลิตพาเลทและลังที่ต้องใช้ในอุตสาหกรรมอาหารก็ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน HACCP ก่อนที่จะนำมาใช้งาน เนื่องจากกระบวนการผลิตพาเลทพลาสติกต้องมีการเกี่ยวข้องกับเม็ดพลาสติกและสารเคมี รวมถึงกระบวนการผลิตที่อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนได้จึงต้องมีการควบคุมความปลอดภัยทั้งวัสดุและกระบวนการผลิต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสารพิษในพาเลทพลาสติกอาจส่งต่อไปยังบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ห่อหุ้มอาหารทำให้อาหารเกิดการปนเปื้อนได้ เพื่อให้ได้มาตรฐานทั้งความแข็งแรงและทนทานในการใช้งานเพื่อป้องกันการแตกหัก ตามมาตรการของมาตรฐาน HACCP จะมีการวิเคราะห์จุดอันตรายในทุกขั้นตอนของพาเลทพลาสติกเพื่อหาจุดวิกฤต หากมีจุดวิกฤตจะถูกควบคุมความอันตรายที่จะเกิดขึ้นให้อยู่ภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดโดยจะมีการกำหนดแผนการทดสอบ การเฝ้าระวัง การกำหนดมาตรการบันทึกข้อมูลและจัดเก็บเอกสารเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง โดยกระบวนการทั้งหมดต้องได้รับการดูแล ให้คำปรึกษา และการตัดสินใจจากผู้เชี่ยวชาญจาก HACCP
  3. มาตรฐาน ISO 9001: 2015 เป็นมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งเป็นระบบบริหารที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมผลิตพาเลทพลาสติกสามารถผลิตพาเลทพลาสติกได้อย่างมีคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001-2015 จะช่วยสร้างระบบในกระบวนการทำงานให้มีความชัดเจน มีการตรวจสอบ และปรับปรุงองค์กรตลอดเวลาเป็นการพัฒนาที่ส่งผลถึงคุณภาพของพาเลทพลาสติก ทำให้พาเลทพลาสติกมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด คือ มีความแข็งแรง ทนทานทั้งต่ออุณหภูมิที่ร้อนจัด เย็นจัด สารเคมี กรด ด่าง และรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายเมื่อนำไปใช้งาน
  4. มาตรฐาน JIS เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่นที่มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่ส่วนประกอบ วัตถุดิบ คุณสมบัติ และกระบวนการผลิต ซึ่งมาตรฐาน JIS จะมีการแบ่งแยกรหัสออกเป็นหลายรหัสตามประเภทของกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งพาเลทพลาสติกที่ได้รับมาตรฐาน JIS จะได้รับการตรวจสอบคุณภาพและมีการทดสอบเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยในการใช้งาน โดยการทดสอบมาตรฐานพาเลทพลาสติกตามมาตรฐาน JIS มีการทดสอบหลัก ๆ อยู่ 3 การทดสอบ คือ
    • Computerized bending & compression test เป็นการทดสอบการแอ่นตัวและการแตกร้าวของพาเลทพลาสติกเมื่อรับน้ำหนักตามที่กำหนดไว้ เช่น พาเลทพลาสติก Single Face Pallet แผ่นนี้สามารถรับน้ำหนักได้ 2,000 กิโลกรัม โดยจะทดสอบการรับน้ำหนักของพาเลทพลาสติก ณ ขณะที่อยู่กับที่ (Static Load) เมื่อมีการเคลื่อนย้าย (Dynamic Load) และเมื่อวางไว้บนชั้นวางสินค้า (Racking Load) ซึ่งจะวางพาเลทพลาสติกที่ต้องการทดสอบไว้บนเครื่องกด (Pressing Dynamic) และเครื่องกดจะใช้แผ่นเหล็กกดลงบนพาเลทพลาสติก ซึ่งแรงกดจะมีน้ำหนักตามที่มีการกำหนดไว้สำหรับพาเลทพลาสติกแผ่นนี้ เพื่อทดสอบการไม่แตกร้าวหรือการแอ่นตัวของพาเลทพลาสติก ต้องไม่เกินจากที่มาตรฐานกำหนดคือ 10 มม. หรือ 1 เซนติเมตร โดยการทดสอบจะใช้อุปกรณ์ในการทดสอบให้เหมือนการใช้งานจริงทั้งหมด
    • Sidewall fork tip impact test เป็นการทดสอบความเหนียวของผนังด้านข้างพาเลทพลาสติกทั้ง 4 ด้านซึ่งจะใช้แรงกระแทกจากเหล็กในการทดสอบ โดยจะวางพาเลทพลาสติกที่ต้องการทดสอบลงบนรถเลื่อนเพื่อให้รถเลื่อนนำพาเลทพลาสติกไปกระแทกกับแท่งเหล็กหลังจากกระแทกแล้วพาเลทพลาสติกไม่มีรอยแตกร้าวก็ถือได้ว่าผ่านการทดสอบ โดยการทดสอบจะใช้อุปกรณ์ในการทดสอบให้เหมือนการใช้งานจริงทั้งหมด
    • Drop Test เป็นการทดสอบการต้านทานแรงตกกระแทกจากที่สูง โดยการทดสอบจะนำพาเลทพลาสติกแผ่นที่ต้องการทดสอบไปแขวนหรือถือไว้บนที่สูงประมาณ 1 เมตร โดยการแขวนหรือถือต้องให้มุมของพาเลทพลาสติกเป็นจุดกระทบพื้น และก็ปล่อยพาเลทพลาสติกลงบนพื้นหากหลังจากทดสอบแล้วพาเลทพลาสติกไม่มีการแตกร้าวก็ถือว่าผ่านการทดสอบ โดยการทดสอบจะใช้อุปกรณ์ในการทดสอบให้เหมือนการใช้งานจริงทั้งหมด

การทดสอบคุณภาพมาตรฐานของพาเลทพลาสติกตามมาตรฐาน JIS สามารถทำการทดสอบได้มากกว่าที่กล่าวมาข้างต้นแต่อย่างน้อยควรผ่านการทดสอบ 3 การทดสอบหลัก ๆ ที่กล่าวมาเพื่อเป็นการยืนยันถึงคุณภาพมาตรฐานของพาเลทพลาสติกแผ่นนั้นว่าเหมาะสมในการใช้งาน

การใช้งานพาเลทพลาสติก

ประเภทของพาเลทพลาสติกที่แบ่งตามลักษณะกายภาพมีด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งใช้เครื่องมือในการเคลื่อนย้ายที่แตกต่างกัน

  1. Single Face Pallet เป็นประเภทของพาเลทพลาสติกที่สามารถวางสินค้าได้แค่หน้าเดียวโดยด้านล่างจะเป็นขาที่ใช้รองรับน้ำหนักและมีช่องเพื่อให้งาสอดเข้าไปเพื่อยก-ย้ายพาเลท พาเลทพลาสติกหน้าเดียวสามารถใช้งานกับ รถแฮนด์พาเลท รถยกสูง และรถโฟล์คลิฟท์ได้
  2. Double Face Pallet พาเลทพลาสติกแบบสองหน้าที่ทั้งสองด้านสามารถใช้วางสินค้าได้ และตรงกลางของพาเลทพลาสติกมีขาเพื่อรองรับน้ำหนักและมีช่องว่างเพื่อให้งาสอดเข้าไปเพื่อยก-ย้าย สามารถใช้งานได้กับรถโฟล์คลิฟท์เท่านั้น
  3. Window-Cross Pallet มีรูปแบบเหมือนกับพาเลทพลาสติกแบบสองหน้า แต่ตรงกลางจะเป็นขาที่มีลักษณะกากบาททั้ง 4 ด้านไขว้กันจึงทำให้มีช่องว่าง 4 ช่อง สามารถใช้กับรถโฟล์คลิฟท์และรถแฮนด์พาเลทได้

ข้อควรระวังในการใช้งานพาเลทพลาสติก

  • ข้อควรระวังในการใช้งานช่วยให้พาเลทพลาสติกมีอายุการใช้งานยาวนานมากยิ่งขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายของธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยมีดังนี้
  • ไม่ควรบรรทุกสินค้าเกินกว่าที่ระบุไว้ เพื่อลดความเสี่ยงของการแตกหักและความปลอดภัยในการใช้งาน
  • ไม่ควรวางสินค้ากระจุกไว้ด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ตรงกลาง, ด้านซ้าย หรือ ด้านขวา เพราะทำให้พาเลทพลาสติกเกิดการผิดรูปหรือเกิดการยุบตัวได้
  • ควรเลือกใช้พาเลทพลาสติกให้เหมาะสม เช่น สินค้าที่เป็นน้ำมัน สารเคมี ควรเลือกใช้พาเลทพลาสติกที่สามารถทนทานต่อสารดังกล่าวได้เพราะสารดังกล่าวสามารถทำให้พาเลทมีคุณภาพที่ลดลงได้ หรือพาเลทพลาสติกที่ใช้ในห้องเย็น ควรทนทานต่ออุณหภูมิติดลบได้ดี
  • หลีกเลี่ยงการใช้พาเลทพลาสติกที่ชำรุด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
  • ควรเก็บให้ห่างจากวัตถุไวไฟ พื้นที่ที่มีแดดจัด หรือกลางแจ้ง เพราะอาจทำให้เกิดการละลายหรือผิดรูปและเสื่อมคุณภาพได้
  • ห้ามดัดแปลงพาเลทพลาสติก เช่น การเจาะหรือการตัด เพราะจะทำให้คุณสมบัติทางกายภาพลดลง

Jenstore by Jenbunjerd เป็นผู้จำหน่ายพาเลทพลาสติกจัดเก็บแบบหน้าเดียว ที่มีคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้ง่าย นอกจากนั้นยังจำหน่ายเครื่องมือในการเคลื่อนย้าย เช่น รถยกไฟฟ้า, รถลากพาเลท, รถลากจูงไฟฟ้า รถยกลาก ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ร่วมกันกับพาเลทพลาสติกได้ พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ยินดีให้คำแนะนำในการใช้งานและบริการหลังการขายจากทีมงานมืออาชีพ

สนใจสินค้าติดต่อเรา

Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) 

ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) 

Email : cataloguesale@jenbunjerd.com

บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 

Email : cs1@jenbunjerd.com 

LINE Official Account: @jenstore 

Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

×
สายด่วนสั่งซื้อสินค้า บริการจัดหาสินค้า สินค้าสั่งทํา 02 096 9999
บริการหลังการขาย 02 096 9898
ต่อ 3102-3103
ไลน์ @jenstore
เวลาทําการ 08.30 - 17.30 น.
Copy to Clipboard