ชุดป้องกันสารเคมีมีกี่ระดับ ป้องกันได้ขนาดไหน เลือกยังไงดี
สารเคมีถือเป็นสิ่งอันตรายที่ต้องคอยระวังไม่ให้สัมผัสหรือเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องทางต่าง ๆ การใช้ชุดป้องกันสารเคมีพร้อมอุปกรณ์อื่น ๆ ครบถ้วน เช่น ถุงมือกันสารเคมี รองเท้ากันสารเคมี ฯลฯ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าชุดป้องกันสารเคมีมีกี่ระดับ แต่ละระดับสามารถป้องกันได้ขนาดไหน เพื่อการนำมาใช้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
ความสำคัญของชุดป้องกันสารเคมี
ต้องอธิบายก่อนว่าสารเคมีบนโลกใบนี้มีด้วยกันหลายประเภท ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายย่อมแตกต่างกันออกไปแต่โดยภาพรวมคือส่งผลเสียต่อสุขภาพแบบวงกว้างทั้งอวัยวะภายนอก อวัยวะภายใน การสวมชุดป้องกันสารเคมีจึงช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายดังกล่าวได้อย่างดี รวมถึงยังป้องกันไม่ให้ฝุ่นละออง สิ่งสกปรกต่าง ๆ การปนเปื้อนทางชีวภาพสัมผัสกับร่างกายซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ คัน บวมแดง เกิดลมพิษได้ง่าย ทั้งนี้การแต่งชุดป้องกันสารเคมีควรมีอุปกรณ์อื่นเสริมเพื่อความครบสูตร เช่น ถุงมือกันสารเคมี รองเท้ากันสารเคมี แว่นตากันสารเคมี เป็นต้น
ชุดป้องกันสารเคมีมีกี่ระดับ
เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญในการใช้ชุดป้องกันสารเคมีกันไปแล้ว ลองมาเช็กลิสต์กันต่อว่าชุดป้องกันสารเคมีมีกี่ระดับ แตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง
1. ชุดป้องกันสารเคมี ระดับ A
ถือเป็นชุดป้องกันระดับสูงสุดไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจ ตัวชุดมักประกอบไปด้วย
- ชุดป้องกันไอสารเคมี (Vapor Protective Suit) แบบแคปซูล ผ่านมาตรฐาน NFPA 1991
- เครื่องช่วยหายใจ SCBA บรรจุอากาศในตัว มีถังอากาศและหน้ากากปิดทั้งใบหน้า
- ถุงมือป้องกันสารเคมีชั้นในและชั้นนอก
- รองเท้าป้องกันสารเคมี
- หมวกนิรภัย
- วิทยุสื่อสารประเภท Two Way Radio
2. ชุดป้องกันสารเคมี ระดับ B
ระดับการป้องกันจะลดหล่นจากระดับ A เน้นป้องกันของเหลวแต่ไม่ปลอดภัยต่อก๊าซพิษ ตัวชุดประกอบไปด้วย
- ชุดป้องกันสารเคมีที่เป็นของเหลว (Liquid Splash-Protective Suit) ผ่านมาตรฐาน NFPA 1991
- เครื่องช่วยหายใจ SCBA บรรจุอากาศในตัว มีถังอากาศและหน้ากากปิดทั้งใบหน้า
- ถุงมือป้องกันสารเคมีชั้นในและชั้นนอก
- รองเท้าป้องกันสารเคมี
- หมวกนิรภัย
- วิทยุสื่อสารประเภท Two Way Radio
3. ชุดป้องกันสารเคมี ระดับ C
จะใช้กับพื้นที่ปฏิบัติงานระดับความเสี่ยงกลางถึงต่ำ เช่น โรงงานผลิตทั่วไป ไม่ได้อยู่บริเวณพื้นที่สารเคมีอันตรายมาก เพื่อให้การเคลื่อนไหวยังทำได้สะดวก ตัวชุดประกอบไปด้วย
- ชุด PPE เต็มตัว ผ่านมาตรฐาน NFPA 1991
- หน้ากากป้องกันแบบเต็มหน้า มีไส้กรองอากาศ
- ถุงมือป้องกันสารเคมีทั่วไป
- รองเท้าป้องกันสารเคมี
- หมวกนิรภัย
- วิทยุสื่อสารประเภท Two Way Radio
4. ชุดป้องกันสารเคมี ระดับ D
ชุดป้องกันสารเคมีที่ประสิทธิภาพน้อยสุด เน้นการเคลื่อนไหวให้คล่องตัวเพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหา เหมาะกับพื้นที่ปฏิบัติงานความเสี่ยงต่ำ ตัวชุดประกอบไปด้วย
- ชุด PPE เต็มตัว
- ถุงมือป้องกันสารเคมีทั่วไป
- รองเท้าป้องกันสารเคมี
- แว่นตาหรือที่ครอบตานิรภัย
ทั้งนี้อาจเพิ่มอุปกรณ์เสริมชนิดอื่นได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การขอ Face Shield การขอวิทยุ Two Way Radio เครื่องช่วยหายใจ SCBA บรรจุอากาศในตัว มีถังอากาศและหน้ากากปิดทั้งใบหน้า เป็นต้น
การเลือกชุดป้องกันสารเคมี
- ประเภทของสารเคมีที่ต้องเผชิญ เพราะแต่ละชุดสามารถป้องกันสารเคมีแตกต่างกัน จึงต้องรู้จักประเภทให้ครบเพื่อการเลือกชุดอย่างถูกต้อง
- ความจำเป็นในการป้องกันระบบทางเดินหายใจ เพราะสารเคมีบางชนิดเพียงแค่สูดดมนิดเดียวก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
- ความทนทานของวัสดุที่ใช้ผลิตชุด ฉีกขาดยาก ป้องกันดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาสารเคมีรั่วไหล
ข้อควรระวังและวิธีการใช้งานชุดป้องกันสารเคมี
- ต้องรู้วิธีการสวมใส่และถอดชุดอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้อวัยวะต่าง ๆ สัมผัสกับสารเคมีโดยตรง
- การตรวจสอบชุดก่อนใช้งาน อยู่ในสภาพดี พร้อมสำหรับการสวมใส่
- ศึกษาวิธีทำความสะอาดและเก็บรักษาชุดอย่างถูกต้อง เช่น ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน หรือน้ำยาซักผ้าทั่วไป ต้องทำความสะอาดและจัดเก็บแยกกับชุดอื่น สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อต้องสัมผัส เป็นต้น
ชุดป้องกันสารเคมีแบ่งออกเป็น 4 ระดับ แต่ละระดับก็มีคุณสมบัติการป้องกันแตกต่างกันออกไป อย่าลืมเลือกอย่างเหมาะสม สวมใส่ให้ถูกต้อง ทำความสะอาดแบบถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานและยังลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย